10 วิธีชาร์จพลัง

10 วิธี ชาร์จพลังให้กลับมาสดชื่น ที่แสนง่ายและทำได้จริง จะมีวิธีอะไรบ้างนั้น มาดูไปพร้อม ๆ กันเลย

เติมน้ำให้ร่างกาย

ไม่เพียงแต่เราจะดื่มน้ำกันไม่เพียงพอแก่ความต้องการเท่านั้น (ประมาณ 2 - 2.5 ลิตร ต่อวัน) แต่หลายคนยังนิยมพึ่งพาเครื่องดื่มที่เร่งการขับปัสสาวะ เช่น กาแฟและแอลกอฮอล์ซึ่งทำให้ร่างกายยิ่งสูญเสียน้ำ เมื่อมีน้ำไม่เพียงพอร่างกายจะขจัดของเสียออกไปและนำสารอาหารเข้าสู่เซลล์ได้ยากจึงทำให้ผิวหนังดูซีดเซียวและเหี่ยวย่น ดังนั้นในตอนเช้าให้คุณลองเติมน้ำใส่ขวดใหญ่ๆ เอาไว้แล้วตั้งไว้บนโต๊ะของคุณเพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ที่คอยเตือนให้คุณได้ดื่มน้ำมากขึ้นตลอดวัน

หลับให้ลึกกว่าเดิม

.การนอนหลับอย่างมีคุณภาพมากขึ้นนั้นไม่ได้แปลว่าหลับนานขึ้นเสียทีเดียว อันที่จริงแล้วการนอนตื่นสายในวันหยุดสุดสัปดาห์จะทำให้จังหวะเวลาของการนอนตามธรรมชาติของคุณเสียไปและจะทำให้คุณกลับมาสู่วิถีการนอนปรกติในวันต่อๆ มาได้ยากขึ้น โดยปรกติแล้วระยะเวลาการนอนหกชั่วโมงถือว่าเป็นระยะเวลาที่สั้นที่สุดที่จะทำให้ร่างกายทำงานได้ดีที่สุดในระหว่างที่กำลังตื่นอยู่แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญที่หกชั่วโมงนั้นต้องเป็นหกชั่วโมงของการฟื้นฟูให้กำลังกลับคืนมาจริง ๆ ให้หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เอาไว้ดื่มก่อนนอนหรือของว่างยามดึกเพราะการทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นก่อนนอนจะส่งผลเสียต่อคุณภาพของการนอน การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เล็กน้อยอาจช่วยให้คุณม่อยหลับลงได้ แต่ก็จะขัดขวางไม่ให้คุณสามารถหลับลึกได้ และเมื่อไม่มีการหลับแบบ REM ซึ่งเป็นการหลับแบบที่ทำให้สามารถฟื้นฟูกำลังได้ ในตอนเช้าคุณจะตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกและหน้าตาที่ดูไม่ค่อยสดชื่น

สร้างกิจวัตรก่อนการเข้านอน

การสร้างกิจวัตรก่อนการเข้านอนที่สม่ำเสมอจะช่วยเตรียมร่างกายของคุณให้พร้อมนอนหลับแบบได้พักผ่อนอย่างแท้จริง เมื่อร่างกายเข้าใจว่าการอาบน้ำในตอนกลางคืน การทำโยคะ หรือการอ่านหนังสือสักบทนั้นคือกิจกรรมก่อนเข้านอน ร่างกายของคุณก็จะเข้าสู่โหมด "ชัทดาวน์" โดยอัตโนมัติเมื่อคุณทำกิจกรรมเหล่านั้นไปสักหนึ่งหรือสองสัปดาห์ เมื่อคุณนอนหลับได้ดีในเวลากลางคืนก็หมายความว่าในตอนเช้าคุณจะยิ่งรู้สึกสดชื่นขึ้น

กินอาหารเช้าอย่างราชา

การต้องสับรางระหว่างเรื่องครอบครัวกับเรื่องงาน ดังนั้นอาหารเช้าจึงเป็นอาหารมื้อแรกที่ต้องกิน และมันก็เป็นอาหารมื้อสำคัญที่สุดของวันเหมือนที่แม่คุณบอกนั่นละ การไม่กินข้าวเช้าจะทำให้ระดับเมตาโบลิซึ่มลดลงทำให้ร่างกายของคุณเผาผลาญน้ำตาลเพื่อให้พลังงานตลอดทั้งวันอย่างเพียงพอได้ยากขึ้น

อาบแสงอาทิตย์

แม้จะมีความหวาดกลัวกันในความเลวร้ายของการถูกแสง UV นั้นเป็นเรื่องที่เลวร้ายแต่การได้รับแสงแดดเป็นเวลาอย่างน้อยสิบนาทีต่อวันนั้นก็ยังเป็นสิ่งสำคัญเพราะร่างกายต้องการวิตามินดี เพื่อให้มีชีวิตรอดได้ ซึ่งวิธีที่จะให้ได้รับวิตามินดี ก็คือการออกไปกลางแจ้งที่ซึ่งแสงธรรมชาติจะเสริมให้อารมณ์ของคุณดีขึ้นและเพิ่มพลังให้กับคุณ ดังนั้นในช่วงพักกลางวันให้ลองลุกออกจากโต๊ะทำงาน แต่อย่าลืมทาครีมกันแดดดีๆ ด้วยล่ะ!

ออกแรงให้ได้เหงื่อ

การออกกำลังกายไม่ได้ดีต่อร่างกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่การออกกำลังกายเป็นประจำหรือแค่การเดินเพียง 20 นาทีทุกวันก็สามารถส่งผลอย่างเห็นได้อย่างชัดต่ออารมณ์ ระบบภูมิคุ้มกัน และสุขภาพโดยรวม การออกกำลังกายจะเพิ่มพลังให้กับคุณแทนที่จะทำให้คุณหมดแรงซึ่งอาจตรงข้ามกับหลายคนคิด เพราะการออกกำลังการจะส่งอ็อกซิเจนไปยังเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายและจะทำให้ระดับพลังงานเพิ่มขึ้นและจะทำให้คุณกลับมารู้สึก (และแลดู) สดชื่นมีชีวิตชีวาอย่างเต็มที่ แบบไม่ต้องกังวลกลิ่นถ้าใช้สเปรย์ระงับกลิ่นกายผู้ชายที่ปกป้องยาวนาน

เติมพลังอย่างถูกต้อง

แน่นอนว่าคุณคงจะไม่เติมน้ำมันผิดชนิดให้กับรถฟอร์มูล่าวัน ดังนั้นก็อย่าเติมพลังงานให้ตัวคุณอย่างผิด ๆ ถ้าอยากจะหลีกเลี่ยงภาวะพลังงานตกในช่วงบ่ายให้พิจารณาอาหารของคุณให้ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งชนิดของคาร์โบรไฮเดรตที่คุณกินตลอดทั้งวัน สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือคาร์โบไฮเดรตที่หิวโหยเหล่านั้นที่คุณได้กินเข้าไปอาจจะดูดกลืนพลังงานของคุณให้หดหายไป ให้ตัดอาหารที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวทิ้งไป เช่น ขนมปังขาว น้ำอัดลม และขนมปังอบทั้งหลายแล้วแทนที่ด้วยคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น โฮลเกรน เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรน์ หรือ คินัว (quinoa) เพื่อให้ได้รับพลังงานที่คงที่กว่าเดิม

หายใจให้ถูก

 อาจเป็นคำแนะนำที่ฟังดูไร้สาระแต่ จงหายใจ "ให้ถูกต้อง" อยู่เสมอ ส่วนใหญ่เราจะหายใจแบบสั้นๆ และตื้นๆ ซึ่งจะทำให้ออกซิเจนถูกส่งไปทั่วร่างกายได้ยากขึ้น ในการจะทำให้เรารู้สึกตัวและรู้สึกสงบอยู่ตลอดเวลาก็อย่าลืมที่จะหายใจให้ลึกลงไปจนถึงท้องแล้วหายใจออกมาให้หมดโดยทำให้สะดือถอยเข้าไปหากระดูกสันหลัง

หมดเวลาเทคโนโลยี

 ถ้าคุณกำลังอ่านข้อความนี้อยู่ในตอนดึกก็ได้เวลาที่คุณจะมาให้ความสนใจเรื่องผลของแสงสีฟ้าต่อระดับพลังงานของคุณแล้ว แสงสีฟ้านั้นเหมือนกับคาเฟอีนตรงที่มันเป็นสิ่งกระตุ้นซึ่งจะทำให้คุณตื่นอยู่ตลอดเวลาและทำลายการนอนหลับเพื่อการฟื้นฟูกำลัง ให้ทิ้งนิสัยการติดเทคโนโลยีไปเสียตั้งแต่ตอนที่กลับถึงบ้านในตอนเย็น เมื่อถึงเวลาหนึ่งจึงค่อยปิดทีวี มือถือ และแล็บท็อป ซึ่งจะมีผลอย่างเห็นได้ชัดต่อระดับความเครียดของคุณและทำให้คุณได้ผ่อนคลายและได้พลังกลับคืนมา

สะสางชีวิต

ยิ่งคุณบริหารพื้นที่การทำงานกับพื้นที่การใช้ชีวิตของคุณได้ดีเท่าไหร่คุณก็จะยิ่งเครียดน้อยลงเท่านั้น และที่สำคัญก็คือจะเหนื่อยน้อยลง สภาพแวดล้อมที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายนั้นมักเป็นสิ่งที่ชี้ถึงการใช้ชีวิตแบบ "เล่นกายกรรมหมุนจานหลายๆ จานไปพร้อมๆ กัน" ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ทำให้เกิดผลิตผลนักและเป็นการใช้เวลาอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ให้สะสางพื้นที่ชีวิตของคุณเสียแล้วจัดลำดับความสำคัญของงานแทนที่จะโหมทำงานจนหมดแรงขณะกำลังพยายามจับปลาสองมือหรือสับรางงานเป็นล้านอย่างในคราวเดียว

ทิปส์ที่น่าสนใจสำหรับคุณ