12 วิธีแก้ปัญหาร่องแก้มลึก ริ้วรอยร่องแก้มที่ทำให้หน้าแก่กว่าวัย

สำหรับใครที่มีปัญหาร่องแก้มลึก ริ้วรอยร่องแก้ม สาเหตุหนึ่งที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัย ปัญหานี้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น แต่สำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ต้นๆ ปัญหาร่องแก้มลึกอาจเกิดจากพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ, การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับผิว, มลภาวะ, แสงแดด รวมถึง ความเครียด มีส่วนทำให้เกิดปัญหาร่องแก้มได้เช่นกัน

ร่องแก้มคืออะไร? ต่างจาก "ร่องน้ำหมาก" อย่างไร

ร่องแก้ม คือ เนื้อแก้มด้านบนที่หย่อนลงมากองที่เหนือร่องแก้ม มีลักษณะเป็นเส้นเฉียงบริเวณข้างแก้ม เหนือปากขึ้นไปและยาวลงมาถึงบริเวณมุมปาก ริ้วรอยเหล่านี้เกิดได้กับทุกเพศ ทุกวัย แต่มักจะชัดเจนและลึกมากขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยกลางคน เนื่องจากเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังเสื่อมสภาพตามอายุ จึงดูเหมือนเนื้อแก้มที่อยู่ด้านบนไหลลงมาพับทับกันเป็นร่องบริเวณใต้แก้มนั่นเอง

ในขณะที่ ร่องน้ำหมาก (Marionette Lines) คือเส้นที่ลากจากมุมปากลงมายังบริเวณคาง ทำให้ใบหน้าดูเศร้าหรือบึ้งตึง ทั้งสองร่องนี้มักเกิดขึ้นในช่วงวัยใกล้เคียงกัน แต่มีตำแหน่งและสาเหตุที่แตกต่างกันเล็กน้อย

ร่องแก้ม เกิดจากสาเหตุใด?

ร่องแก้มลึก หรือ รอยย่นที่แก้ม มีสาเหตุหลักเกิดจากความหย่อนคล้อยของผิว เมื่ออายุมากขึ้นทำให้คอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวเสื่อมประสิทธิภาพลง นอกจากนี้ ริ้วรอยร่องแก้ม ยังมาจากปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นตัวกระตุ้น ดังนี้

1. การหย่อนคล้อยของผิว

ผิวหนังจะเริ่มหย่อนคล้อยตามอายุที่มากขึ้น เนื่องจากสูญเสียความสมดุลของโครงสร้างใต้ผิว ทำให้ผิวบริเวณแก้มเคลื่อนตัวมารวมกันตรงจุดพังผืด (Ligament) ของร่องแก้ม ส่งผลให้เห็นเป็นริ้วรอยร่องลึกได้อย่างชัดเจน

2. พฤติกรรมการใช้ชีวิต

การแสดงสีหน้าหรืออารมณ์บางอย่างที่ทำบ่อยๆ เช่น หัวเราะ ยิ้ม จะไปกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณร่องแก้มมากเกินไป นำไปสู่การเกิดริ้วรอยลึก นอกจากนี้ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอก็ส่งผลให้เกิดร่องแก้มลึกได้เช่นกัน

3. ปัจจัยจากภายนอก

ปัจจัยจากภายนอก มลภาวะ ฝุ่น ควัน และรังสี UV จากแสงแดด ล้วนเป็นปัจจัยแวดล้อมภายนอกที่ส่งผลให้ผิวหน้าเสื่อมสภาพและเกิดริ้วรอยเร็วขึ้น รวมถึงอาจก่อให้เกิดร่องแก้มลึกได้ในระยะยาว จึงควรป้องกันผิวจากปัจจัยเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ

4. การสูญเสียปริมาตรบนใบหน้า

การสูญเสียปริมาตรบนใบหน้า (Facial Volume Loss) เมื่ออายุมากขึ้น กระดูก กล้ามเนื้อ และไขมันบนใบหน้าจะค่อยๆ ยุบตัวลง โดยเฉพาะบริเวณกระดูกกลางแก้ม ทำให้เกิดร่องลึกที่สังเกตเห็นได้ชัด บางคนอาจมีโครงสร้างกระดูกที่ยุบมากกว่าปกติตั้งแต่กำเนิด จึงมีใบหน้าที่ดูลึกกว่าคนทั่วไป

12 วิธีลดริ้วรอยร่องแก้ม ให้เห็นผลจริง

1. การทำทรีตเมนต์ผิวหน้า

เป็นการใช้เทคโนโลยีในการยกกระชับกล้ามเนื้อ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ซึ่งเป็นการเติมสารธรรมชาติเข้าสู่ผิวชั่วคราว การฉีดโบท็อกซ์ เป็นการทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวจะช่วยกระชับแก้มและลดเลือนริ้วรอยให้จางหายไป

2. การร้อยไหมกระชับหน้า

วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่แก้มหย่อนคล้อย เมื่อแก้มถูกยกกระชับจะทำให้ร่องแก้มลึกดูยกขึ้นด้วย โดยไหมที่ใช้จะเป็นไหมละลาย สามารถละลายได้หมด 100% ตามระยะเวลา โดยไม่มีสารตกค้าง จะเหลือเพียงเส้นใย elastin ที่ร่างกายเราสร้างขึ้นมาซึ่งช่วยประคองผิว

3. Hifu ยกกระชับหน้า

ช่วยแก้ไขร่องแก้มลึกโดยไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องผ่าตัด มีหลักการทำงานโดยใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ยิงเข้าไปใต้ชั้นผิวแต่ละชั้นเพื่อทำให้ผิวชั้นนั้นหดตัว การทำ hifu จะลดเลือนริ้วรอย ความหย่อนคล้อย เพิ่มความกระชับให้กับบริเวณผิวหน้า และป้องกันความหย่อนคล้อยของผิวในอนาคตได้

4. การฉีดฟิลเลอร์ (Filler Injections)

เป็นอีกวิธีการรักษาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการแก้ไขปัญหาร่องแก้ม ฟิลเลอร์ที่ใช้โดยทั่วไปคือสารเติมเต็มประเภท กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติในร่างกาย มีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดี เมื่อแพทย์ฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในบริเวณร่องแก้ม ทำให้ผิวบริเวณนั้นดูตื้นและเรียบเนียน ดูตื้นขึ้นทันที

6. การนวดหน้า

สามารถช่วยลดร่องแก้มลึก แก้ไขร่องน้ำหมากให้ดูตื้นขึ้นได้ ซึ่งวิธีการนวดจะกระตุ้นให้เลือดไหวเวียนได้ดี โดยการใช้มือนวดคลึงบนใบหน้าเบา ๆ เป็นประจำ ประมาณ 10-15 นาที ช่วยให้ใบหน้ากระชับขึ้น รอยร่องแก้มจางลงได้

7. การฉีดโบท็อกซ์ (Botox)

สำหรับคนที่กังวลเรื่องริ้วรอยร่องแก้มเวลายิ้มหรือแสดงสีหน้า โบท็อกซ์ (Botulinum Toxin) ถือว่าตอบโจทย์ แพทย์จะทำการฉีดเข้าไปที่ กล้ามเนื้อบางมัดบริเวณข้างจมูกที่ทำหน้าที่ดึงริมฝีปากบนขึ้นเวลายิ้ม (Levator Labii Superioris Alaeque Nasi) การคลายกล้ามเนื้อมัดนี้จะช่วยลดการตึงตัวของร่องแก้ม ทำให้เวลายิ้มแล้วร่องไม่ดูลึกจนเกินไป หรือในบางเทคนิคอาจฉีดเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ดึงมุมปากลง

8. อัลเทอร่า เอสพีที (Ulthera SPT)

อีกวิธีที่ใช้สำหรับยกกระชับผิว ริ้วรอยร่องแก้ม นั้นคือ Ulthera คือเทคโนโลยีการยกกระชับผิวแบบไม่รุกราน (Non-invasive) ดั้งเดิมจากสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น Gold Standard โดยใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง (Micro-Focused Ultrasound with Visualization หรือ MFU-V) ซึ่งเทคนิคใหม่ล่าสุดคือ SPT ที่เพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในการรักษาร่องแก้ม ยกกระชับ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

9. ออกกำลังกายเป็นประจำ

การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดให้ไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ช่วยให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนออกมามากขึ้น ซึ่งมีส่วนทำให้ผิวหนังกระชับและยืดหยุ่นด้วยทำให้ใบหน้าอ่อนเยาว์และไร้ริ้วรอยร่องแก้ม ผิวดูเต่งตึงขึ้น

10. ดื่มน้ำสะอาดให้ได้ 1.5 - 2 ลิตร ต่อวัน

น้ำเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การทำงานของผิวเป็นไปได้อย่างปกติ โดยเฉพาะผิวชั้นนอก การดื่มน้ำจึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และช่วยคงความสมดุลให้ชั้นผิวได้ดีอีกด้วย หากดื่มน้ำในปริมาณที่มากพอ ยังสามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่ช่วยให้ริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณใบหน้าจางลงได้

11. การรับประทานอาหารเสริม

การบำรุงให้ผิวสวยนั้นต้องอาศัยการบำรุงจากภายในด้วย การรับประทานอาหารเสริมบํารุงผิวจึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสแล้ว อาหารเสริมหลายยี่ห้อยังมีส่วนผสมของวิตามินหรือแร่ธาตุอื่น ๆ เพิ่มเติมที่ช่วยดูแลสุขภาพโดยรวมได้อีกด้วย เช่น Vitamin C, Vitamin E, Vitamin B3, Grape Seed, หรือ Collagen โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีความปลอดภัย ผ่านมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือ GMP (Good Manufacturing Practice)

12. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการพักผ่อนและการรับประทานอาหาร

การนอนในท่านอนที่เหมาะสม อย่างการนอนในท่านอนหงาย จะช่วยทำให้ไม่เกิดการกดทับบนใบหน้า เพราะการนอนคว่ำหน้า หรือการนอนตะแคงเป็นเวลานาน ๆ ผิวหน้าของคุณจะได้รับแรงกดทับ ซึ่งมีผลต่อการเกิดริ้วรอยอันไม่พึงประสงค์ได้ โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้ม ฉะนั้นจึงควรพักผ่อนให้เพียงพอ และปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ควรเน้นรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผักใบเขียว ผลไม้ ซึ่งอาหารเหล่านี้จะอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี รวมถึงเกลือแร่ที่มีส่วนช่วยทำให้ผิวสดใสและคงความชุ่มชื้น