รู้จักกระแดด สาเหตุ และวิธีรักษาให้ตรงจุด

รู้จักกระแดด สาเหตุ และวิธีรักษาให้ตรงจุด

กระแดด ปัญหาที่มักพบบ่อยในผู้สูงอายุ แต่สำหรับประเทศไทยที่มีอากาศร้อน และแดดแรงตลอดทั้งปีตั้งแต่เช้าจรดเย็น ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่สาว ๆ หลายคนจะมีปัญหากระแดดที่เกิดขึ้นบนใบหน้า จนทำให้สูญเสียความมั่นใจในตัวเองและการใช้ชีวิตประจำวัน แต่กระสามารถป้องกัน และรักษาให้หายได้โดยจำเป็นต้องรู้สาเหตุของการเกิดกระแดดก่อนว่ากระแดดเกิดจากอะไร? มีวิธีรักษากระแดดอย่างไรบ้าง? จริง ๆ แล้ว กระหายเองได้ไหม?

กระแดด คืออะไร

กระแดด (Solar lentigo) คือ จุดด่างดำลักษณะราบเรียบ มีสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงดำ มีขอบเขตชัดเจน ขนาดอาจแตกต่างกันไปตั้งแต่จุดเล็กๆ ไปจนถึงขนาดใหญ่กว่า 1 เซนติเมตร มักพบในผู้ที่มีอายุมาก มักมีสาเหตุหลักมาจากแสงแดดที่ประกอบไปด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet) หรือรังสียูวี (UV) นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากฮอร์โมนที่เป็นตัวกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินให้ทำงานผิดปกติทำเกิด ”กระ” ขึ้นมาที่บริเวณผิวหนัง หากไม่ป้องกันหรือรักษาให้หาย จำนวนกระก็สามารถทวีคูณเพิ่มขึ้นจนรักษายาก รวมถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาก็จะยิ่งสูงมากขึ้นด้วย ฉะนั้นการจัดการปัญหากระจึงควรเริ่มตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน สามารถเริ่มรักษากระได้จากการทาไวท์เทนนิงบริเวณที่เกิดกระ

กระแดดเกิดจากอะไร สาเหตุของกระแดด

กระแดดเกิดจากอะไร สาเหตุของกระแดด
  1. แสงแดด: แสงแดดเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดกระแดด เนื่องจากรังสี UVA และ UVB ในแสงแดดสามารถทะลุเข้าสู่ผิวหนังและกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานินในเซลล์ผิว เมื่อผิวหนังสัมผัสกับแสงแดดบ่อย ๆ จะทำให้เกิดจุดสีน้ำตาลหรือปื้นที่มีขอบชัดเจน ซึ่งมักพบในบริเวณที่โดนแสงแดดโดยตรง เช่น ใบหน้า แขน และมือ
  2. ฮอร์โมนทำงานผิดปกติ: ฮอร์โมนที่ไม่สมดุล เช่น ฮอร์โมนเพศหญิงในช่วงตั้งครรภ์ และการใช้ยาคุมกำเนิด สามารถกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานินได้มากขึ้น ส่งผลให้เกิดฝ้า หรือกระแดดได้ง่าย
  3. อายุที่เพิ่มมากขึ้น: เมื่ออายุมากขึ้น ความสามารถในการฟื้นฟูผิวและการผลิตคอลลาเจนจะลดลง ทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น

กระแดด มีลักษณะอย่างไร และความแตกต่างจากฝ้า-กระชนิดอื่น

  • กระแดด (Solar Lentigo): มีลักษณะเป็นจุด หรือเป็นปื้นราบเรียบ สีน้ำตาล มักมีขอบเขตชัดเจนกว่ากระชนิดอื่น มีขนาดไม่เกิน 1 เซนติเมตร มักเกิดที่บริเวณที่ถูกแสงแดดกระทบบ่อย มักพบมากในบริเวณที่โดนแสงแดด เช่น ใบหน้า โหนกแก้ม มือ หลังแขน เป็นต้น
  • กระตื้น (Ephelides): เป็นจุดสีน้ำตาลอ่อนเล็กๆ ขอบไม่ชัด มักเกิดจากพันธุกรรม และสีจะเข้มขึ้นเมื่อโดนแดด แต่จะจางลงได้เมื่อไม่ได้โดนแดดนานๆ
  • ฝ้า (Melasma): มีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลเทาขนาดใหญ่ ขอบเขตไม่ชัดเจน มักขึ้นสมมาตรกันทั้งสองข้างของใบหน้า เช่น โหนกแก้ม หน้าผาก โดยมีปัจจัยจากฮอร์โมนเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมาก

4 วิธีดูแล รักษากระแดด

1. หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับแสงแดด

พยายามหลีกเลี่ยงการออกไปเผชิญแสงแดดเป็นเวลานาน ๆ แต่ถ้าหากเลี่ยงไม่ได้ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไปทุกครั้ง และเตรียมอุปกรณ์สำหรับป้องกันแดดไปด้วย เช่น สวมหมวก กางร่ม สวมเสื้อผ้าแขนยาวมิดชิดเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด

2. ทาครีมกันแดดเป็นประจำ

ทาครีมกันแดดเป็นประจำ

หมั่นทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกไปเผชิญกับแสงแดดข้างนอก ไม่ว่าจะเป็นการออกไปใช้ชีวิตประจำวัน หรือออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยอาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดูแลผิวและป้องกันแดดได้ในขั้นตอนเดียวอย่าง

นีเวีย ลูมินัส630 เดลี่ มอยส์เจอไรเซอร์ ไลท์ ครีม SPF50 PA+++ (NIVEA Luminous630 Daily Moisturizer Light Cream SPF50 PA+++) ที่มีส่วนผสมของ ไทอามิดอล ช่วยจัดการกระแดดและจุดด่างดำฝังลึกถึงต้นตอ พร้อมป้องกันการเกิดซ้ำ ทั้งยังมาในรูปแบบมอยส์เจอไรเซอร์เนื้อบางเบา ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว นอกจากครีมกันแดดจะสามารถปกป้องผิวจากรังสียูวี (UVA, UVB) ยังสามารถปกป้องผิวจากแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ และจอโทรศัพท์มือถือ ที่เป็นตัวการทำให้หน้าหมองคล้ำได้ด้วย

นีเวีย ลูมินัส630 เดลี่ มอยส์เจอไรเซอร์ ไลท์ ครีม SPF50 PA+++

3. กลุ่มยาทาและสกินแคร์ที่มีส่วนผสมช่วยลดเลือนรอยดำ

  • เรตินอล (Retinol): อนุพันธ์ของวิตามินเอสามารถช่วยกระจางลงได้ โดยช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์ผิว และเร่งการผลัดเซลล์ ควรใช้ตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น
  • กรดผลไม้ (AHA): คือ กรดผลไม้ชนิดหนึ่ง สามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ช่วยลดรอยฝ้า กระ และจุดด่างดำ ได้
  • วิตามินซี (Vitamin C): ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ลดเลือนรอยดำ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  • Niacinamide (Vitamin B3): ช่วยลดการอักเสบของผิว ลดรอยแดง และช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น

4. รักษาด้วยเลเซอร์

เป็นวิธีที่เห็นผลเร็วที่สุด โดยแพทย์จะเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

  • Q-switched lasers: เป็นเลเซอร์ที่มีความเข้มข้นสูง เหมาะกับการรักษาปัญหาเฉพาะจุด รวมทั้งช่วยทำลายเม็ดสีที่ผิดปกติ อย่าง กระ และจุดด่างดำต่าง ๆ ควรทำ 3 ครั้งขึ้นไปจึงจะเห็นผล และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยนและมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวควบคู่กันไปด้วย
  • Picosecond Laser (Pico Laser): เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด สามารถปล่อยพลังงานแสงความเร็วสูงระดับ Picosecond (หนึ่งในล้านล้านวินาที) เพื่อทำให้เม็ดสีแตกตัวเป็นอนุภาคเล็กละเอียดมาก ร่างกายจึงกำจัดออกไปได้ง่าย และเกิดความร้อนสะสมบนผิวน้อย ลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
  • IPL (Intense Pulsed Light): เป็นการใช้ลำแสงกว้างเพื่อจัดการเม็ดสีในผิวชั้นตื้น เหมาะสำหรับผู้ที่กระแดดไม่เข้มมากและต้องการฟื้นฟูให้ผิวโดยรวมดูกระจ่างใสขึ้น

Tips: หลังจากทำเลเซอร์แล้วผิวจะมีความแห้งกร้านมากกว่าปกติ เพราะฉะนั้นจึงควรหามอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอเพราะผิวหลังเลเซอร์ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ยิ่งหากสามารถช่วยลดเลือนปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ ได้เพื่อเสริมกับหัตถการที่ทำจะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อย่าง นีเวีย ลูมินัส630 แอดวานซ์ ดาร์ค สปอต เซรั่ม (NIVEA Luminous630 Advanced Dark Spot Serum ) ทรีตเมนต์เซรั่มเข้มข้น ที่ผสานไทอามิดอล (Thiamidol) สารไบรท์เทนนิ่งจากนีเวีย ช่วยลดเลือนฝ้าแดด กระแดด และจุดด่างดำที่ฝังลึกสะสมนานนับ 10 ปี ช่วยลดเลือนฝ้าได้ถึง 82% สามารถจัดการได้ทั้งจุดดำที่มองเห็น และจุดดำที่ฝังลึกอยู่ใต้ชั้นผิวได้ถึงต้นตอ และผสมผสานกับ ไฮยาลูรอนิก แอซิด ที่ช่วยในการเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ปรับให้ผิวมีสุขภาพดี กระจ่างใส หากไม่รีบจัดการตั้งนแต่เนิ่น ๆ อาจกลายเป็นจุดดำฝังลึกบนชั้นผิวได้ โดยครีมทาฝ้านีเวียไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงเหมือนครีมลอกฝ้า หรือ ครีมทาฝ้าตัวอื่น ๆ อีกทั้งยังจัดการปัญหากระแดดได้ลึกถึงต้นตอ ช่วยให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส อิ่มฟู นุ่มเด้ง ชุ่มชื้นถึงขีดสุดด้วยไฮยาลูรอนิกเข้มข้นถึง 2 เท่า เห็นผลจริงใน 2 สัปดาห์

นีเวีย ลูมินัส 630 แอดวานซ์ ดาร์ค สปอต เซรั่ม

การดูแลผิวหลังการรักษากระแดด

หลังการรักษากระแดด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา หรือการทำเลเซอร์ ผิวจะบอบบางและไวต่อแสงแดดมากขึ้น ดังนั้น การดูแลผิวอย่างถูกวิธี จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัว และป้องกันการเกิดกระแดดใหม่ ควรทาครีมบำรุงผิวที่อ่อนโยน เพื่อช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว และควรทาครีมกันแดดที่มี SPF สูง และ PA+++ ทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดด รวมถึงการเลือกครีมทาฝ้าที่เหมาะสม เพื่อช่วยลดเลือนรอยดำ ป้องกันการเกิดฝ้าใหม่ และรักษาฝ้าเก่า วิธีที่ดีที่สุดในการรักษากระแดด และป้องกันกระแดดเกิดใหม่ คือ การดูแลผิวอย่างครบวงจร ทั้งการหลีกเลี่ยงแสงแดด การใช้ครีมกันแดด การใช้ครีมทาฝ้า และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

สรุป

กระแดดนั้นไม่สามารถหายขาดเองได้โดยธรรมชาติ จึงจำเป็นต้องรักษาให้หายได้ด้วยวิธีการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำหัตถการ เช่น เลเซอร์ การใช้ยาเฉพาะทาง หรือใช้ สกินแคร์ที่มีประสิทธิภาพมีส่วนผสมหลักอย่าง กันแดด, Niacinamide หรือ อย่าง เรตินอล ซึ่งเราสามารถป้องกันการเกิดกระแดดบนใบหน้าได้โดยการหมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงปัจจัยหลักที่จะทำให้เกิดกระแดดอย่าง “แสงแดด” อีกด้วย และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรใช้ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทั้งเช้าและเย็น

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกระแดด

1. Q: กระแดด สามารถหายขาดได้ไหม?

A: กระแดดสามารถรักษาได้ แต่ไม่สามารถทำให้หายขาด 100% โดยทั่วไปแล้ว กระแดดเกิดจากการสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานาน ทำให้เม็ดสีในผิวหนังถูกกระตุ้นจนเกิดเป็นจุดสีน้ำตาลบนผิวหนัง ซึ่งมักพบได้ที่ใบหน้า แขน และหลังมือ

2. Q: กระแดดเป็นอันตรายไหม?

A: กระแดดไม่เป็นอันตรายกับผิว แม้ว่ากระแดดจะไม่เป็นอันตราย แต่ผู้ที่มีปัญหานี้ควรให้ความสำคัญในการดูแลผิว โดยการหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดนาน ๆ และใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ

3. Q: รักษากระแดดด้วยเลเซอร์ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล

A: การรักษาด้วยเลเซอร์ที่มีความเข้มข้นสูง เหมาะสำหรับการรักษาปัญหาเฉพาะจุด เช่น กระและจุดด่างดำ โดยจะทำลายเม็ดสีที่ผิดปกติในผิวหนัง โดยทั่วไปแล้วควรทำการรักษาอย่างน้อย 3 ครั้งขึ้นไป เพื่อให้เห็นผลที่ชัดเจน

4. Q: กระแดด กับฝ้าต่างกันอย่างไร?

A: กระแดดและฝ้ามีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดย กระ มักจะปรากฏเป็นจุดเล็ก ๆ ที่มีสีอ่อนหรือเข้มกว่าสีผิวปกติ มักพบในบริเวณที่โดนแสงแดด ขณะที่ ฝ้า มักมีลักษณะเป็นแผ่นปื้นที่มีสีเข้มกว่าผิวรอบข้าง มักเกิดขึ้นในบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก และคาง ซึ่งทำให้เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างสองปัญหาผิวนี้

5. Q: เป็นกระแดดที่มือกี่วันหาย?

A: โดยระยะเวลาขึ้นอยู่กับวิธีการรักษาและลักษณะของกระแดดเอง หากใช้วิธีการเช่นเลเซอร์ กระแดดมักจะตกสะเก็ดและหลุดออกภายใน 7-14 วัน หลังการรักษา อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนของกระแดด รวมถึงการดูแลผิวหลังการรักษา หากมีการป้องกันและดูแลอย่างเหมาะสม ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานขึ้นและลดโอกาสในการเกิดกระแดดใหม่ได้

เคล็ดลับที่น่าสนใจสำหรับคุณ