ร่องน้ำหมาก คืออะไร? สาเหตุ และวิธีแก้อย่างถูกต้อง

ปัญหา “ร่องน้ำหมาก” เป็นอีกหนึ่งปัญหาบนใบหน้าที่สามารถพบได้เป็นปกติ แม้จะมีอายุยังไม่มาก ก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน แต่หลายคนก็หนักใจกับปัญหานี้อย่างมาก เพราะส่งผลต่อความมั่นใจ ทำให้หน้าแก่กว่าวัย และยังก่อให้เกิดปัญหาผิวอื่นๆ ตามมาอีกด้วย เรามาดูวิธีแก้ร่องน้ำหมากที่ถูกต้องและปลอดภัย ว่าสามารถจัดการร่องน้ำหมากได้อย่างไรบ้าง รวมทั้งวิธีการป้องกัน แต่ก่อนอื่นเราไปดูกันก่อนเลยว่า ร่องน้ำหมาก คืออะไร และมีสาเหตุเกิดมาจากอะไร

ร่องน้ำหมากคืออะไร (Marionette Lines)

ร่องน้ำหมาก (Marionette Lines) คือริ้วรอยที่เกิดขึ้นบริเวณปาก มีลักษณะเป็นเส้นริ้วรอยลากยาวจากมุมปากไปจนถึงคาง ค่อนข้างลึก ทำให้ผิวหน้าดูแก่กว่าวัย

ร่องน้ำหมากกับร่องแก้ม ต่างกันอย่างไร?

แม้ว่าทั้งร่องน้ำหมากและร่องแก้มจะบ่งบอกถึงอายุที่เพิ่มขึ้นเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่ชัดเจนในเรื่องของตำแหน่งและสาเหตุการเกิด ดังนี้

ร่องแก้ม (Nasolabial Folds):

  • ตำแหน่ง คือเส้นหรือร่องที่ลากจาก ข้างปีกจมูกยาวเฉียงลงมาจนถึงมุมปาก
  • สาเหตุหลัก: เกิดจากการยุบตัวของกระดูกใต้ตาและไขมันบริเวณแก้มส่วนบน ทำให้ผิวหนังบริเวณแก้มหย่อนคล้อยลงมาพาดทับเป็นร่อง คล้ายกับการพับของผ้าม่าน

ร่องน้ำหมาก (Marionette Lines):

  • ตำแหน่ง คือเส้นที่ลากในแนวดิ่ง จากมุมปากลงมาที่บริเวณปลายคาง
  • สาเหตุหลัก: เกิดจากความหย่อนคล้อยของแก้มส่วนล่าง ร่วมกับการทำงานของกล้ามเนื้อที่ดึงมุมปากลง (DAO Muscle) ทำให้มุมปากตกและเกิดเป็นร่องลึก ทำให้ใบหน้าดูเศร้าหรือบึ้งตึง

โดยสรุป ร่องแก้มอยู่สูงกว่าและอยู่นอกสุดของปาก ในขณะที่ร่องน้ำหมากจะอยู่ต่ำกว่าและเริ่มที่มุมปาก ซึ่งการเข้าใจตำแหน่งที่ถูกต้องจะช่วยให้สามารถเลือกวิธีการรักษาที่ตรงจุดยิ่งขึ้น

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน (Hormonal Changes)

สาเหตุและปัจจัยของร่องน้ำหมาก

ร่องน้ำหมากเกิดจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใบหน้าในระดับลึก ที่เกิดจากการยุบตัวและเสื่อมสภาพของคอลลาเจน, ไขมัน ประกอบกับการหย่อนคล้อยของผิวหนัง และการทำงานของกล้ามเนื้อที่ชื่อว่า Depressor Anguli Oris (DAO) ซึ่งทำหน้าที่ดึงมุมปากของเราลง เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อมัดนี้อาจทำงานเด่นขึ้น ทำให้มุมปากตกและร่องน้ำหมากชัดขึ้นนั่นเอง

ปัญหาร่องน้ำหมากเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งปัจจัยภายในร่างกายที่ควบคุมได้ยาก และปัจจัยภายนอกจากไลฟ์สไตล์ที่เราสามารถป้องกันได้

1. อายุที่เพิ่มขึ้น (Aging Process)

นี่คือปัจจัยหลักที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจน (Collagen), อีลาสติน (Elastin), และกรดไฮยาลูรอนิก (HyaluronicAcid) ได้น้อยลง ทำให้ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น ความแน่นกระชับ และความชุ่มชื้นไป

2. การยุบตัวของโครงสร้างใบหน้า

เมื่อเวลาผ่านไป ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Facial Fat Loss) จะเริ่มฝ่อตัวและเคลื่อนที่ลงตามแรงโน้มถ่วง นอกจากนี้ โครงสร้างกระดูกบริเวณขากรรไกร (Bone Resorption) ก็มีการยุบตัวลงเล็กน้อย ทำให้ผิวหนังที่เคยขึงตึงอยู่ด้านบนเกิดความหย่อนคล้อยและพับลงมากลายเป็นร่องลึก

3. พันธุกรรม (Genetics)

โครงสร้างใบหน้าและคุณภาพผิวที่เราได้รับมาจากครอบครัวก็มีส่วนสำคัญ บางคนอาจมีแนวโน้มที่จะเกิดร่องน้ำหมากได้ง่ายและเร็วกว่าคนอื่น

4. ปัจจัยภายนอกที่เร่งให้เกิดเร็วขึ้น:

  • แสงแดด (Sun Exposure): รังสี UV คือตัวการร้ายอันดับต้นๆ ที่เข้าไปทำลายเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย
  • การสูบบุหรี่ (Smoking): สารพิษในบุหรี่ทำลายเซลล์ผิวโดยตรงและทำให้หลอดเลือดหดตัว ส่งผลให้เลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงผิวได้ไม่ดีเท่าที่ควร
  • การแสดงสีหน้าซ้ำๆ (Repetitive Facial Expressions): การทำหน้านิ่วคิ้วขมวด การเม้มปาก หรือทำปากคว่ำบ่อยๆ ทำให้เกิดรอยพับบนผิวหนังจนกลายเป็นริ้วรอยถาวรได้
  • การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว (Rapid Weight Loss): ทำให้ไขมันบนใบหน้าหายไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ผิวจะหดกระชับกลับมาได้ทัน

6 วิธีรักษาและป้องกันร่องน้ำหมาก

1. ปรับไลฟ์สไตล์และพฤติกรรม

เป็นวิธีแรกที่เราควรปรับเปลี่ยนเพราะเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการชะลอริ้วรอยทุกชนิด รวมถึงร่องน้ำหมากด้วย เป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำร้ายผิว เหมาะสำหรับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวัย 20+ ที่ต้องการป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย และเป็นสิ่งที่ทุกคนที่กำลังรักษาร่องน้ำหมากด้วยวิธีอื่นควรทำควบคู่กันไป

ข้อดี:

  • ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง
  • ส่งผลดีต่อสุขภาพผิวและสุขภาพโดยรวมในระยะยาว
  • ทำได้ทันทีและทำได้ทุกคน

สิ่งที่ต้องทำ:

  • ทาครีมกันแดดทุกวัน: เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 PA+++ ขึ้นไป เพื่อป้องกันรังสี UV ที่เป็นตัวการหลักในการทำลายคอลลาเจน
  • รับประทานอาหารต้านอนุมูลอิสระ: เน้นผักผลไม้หลากสี ธัญพืช และโปรตีนที่ดี เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้เซลล์ผิว
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวดูอิ่มฟู
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่: เพราะบุหรี่ทำลายคอลลาเจนและทำให้ผิวแก่เร็ว
  • นอนหงาย: เพื่อลดการกดทับของใบหน้าเป็นเวลานาน ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยพับถาวรได้

2. นวดหน้าและบริหารกล้ามเนื้อใบหน้า (Facial Massage & Exercise)

เป็นการใช้เทคนิคการนวดเบาๆ และการขยับกล้ามเนื้อใบหน้าในท่าต่างๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อที่พยุงผิว เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหาริ้วรอยตื้นๆ หรือต้องการป้องกันในระยะเริ่มต้น เป็นวิธีเสริมที่ไม่สามารถทำให้ร่องลึกหายไปได้ แต่ช่วยให้ผิวโดยรวมดูดีขึ้น

ข้อดี:

  • ช่วยให้ผิวพรรณสดใสและผ่อนคลาย
  • สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน
  • ช่วยชะลอความหย่อนคล้อยได้ในระดับหนึ่ง

3. ใช้สกินแคร์กลุ่ม Anti-Aging ที่มีประสิทธิภาพ

เป็นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์ (Active Ingredients) ซึ่งมีงานวิจัยรองรับว่าสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้จริง NIVEA ขอแนะนำ นีเวีย ลูมินัส630 แอนตี้ เอจ แอนด์ สปอต เซรั่ม (NIVEA Luminous630 Anti-Age & Spot Serum) เซรั่มสูตรเข้มข้นที่ถูกคิดค้นมาแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ไม่ใช่แค่จัดการจุดด่างดำ แต่ยังออกแบบมาเพื่อรับมือกับปัญหาริ้วรอยร่องลึกอย่างร่องน้ำหมากโดยเฉพาะเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องน้ำหมากในระดับตื้นถึงปานกลาง และเป็นขั้นตอนการดูแลที่จำเป็นสำหรับทุกคนที่ต้องการชะลอวัยและฟื้นฟูผิว

  • สารสกัด LUMINOUS630®: นวัตกรรมสิทธิบัตรเอกสิทธิ์เฉพาะของนีเวีย ที่จัดการปัญหาจุดด่างดำตามวัยที่ฝังลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้สีผิวโดยรวมดูสม่ำเสมอขึ้น ทำให้บริเวณร่องน้ำหมากที่อาจดูคล้ำเป็นเงา ดูกระจ่างใสและสว่างขึ้น
  • ไฮยาลูรอน (Hyaluron): ด้วยโมเลกุลที่สามารถซึมซาบสู่ผิวได้ดี จึงช่วยเติมความชุ่มชื้นได้อย่างล้ำลึก ทำให้ผิวดูอิ่มฟูจากภายใน เมื่อผิวฟูขึ้นก็จะช่วยดันให้ริ้วรอยและร่องลึกต่างๆ รวมถึงร่องน้ำหมาก ดูตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  • Glycine Soja (Soy) Germ Extract: อุดมด้วยส่วนผสมที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวนุ่มเด้ง กระชับและเรียบเนียน พร้อมเสริมสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ช่วยยกกระชับผิวบริเวณรอบมุมปากให้ดูดีขึ้น

ข้อดี:

  • เป็นการดูแลที่เข้าถึงง่าย ไม่เจ็บตัว
  • ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวมให้ดีขึ้น ทั้งในเรื่องริ้วรอย ความชุ่มชื้น และสีผิว
  • เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเมื่อใช้อย่างสม่ำเสมอ
นีเวีย ลูมินัส630 แอนตี้สปอต แอนตี้-เอจ แอนด์ สปอต เซรั่ม

4. การฉีดฟิลเลอร์ (Fillers)

ฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะฉีดสาร "กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid)" ซึ่งเป็นสารเลียนแบบธรรมชาติ เข้าไปเติมเต็มในบริเวณร่องน้ำหมากที่ลึกบุ๋มลงไป ทำให้ผิวบริเวณนั้นตื้นขึ้นทันที เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องน้ำหมากลึกและชัดเจน ที่เกิดจากการยุบตัวของไขมันและกระดูกซึ่งการใช้สกินแคร์อย่างเดียวอาจไม่สามารถแก้ไขได้ทันใจ

ข้อดี:

  • เห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังทำ
  • ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติเมื่อทำโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์
  • ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน

5. การฉีดโบท็อกซ์ (Botox)

โบท็อกซ์ หรือ การฉีดสาร"Botulinum Toxin" เข้าไปที่กล้ามเนื้อ DAO (Depressor Anguli Oris) ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ดึงมุมปากลง การฉีดโบท็อกซ์จะทำให้กล้ามเนื้อมัดนี้คลายตัวลงชั่วคราว ส่งผลให้มุมปากที่เคยตกยกขึ้นเล็กน้อย ทำให้ร่องน้ำหมากดูดีขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องน้ำหมากร่วมกับปัญหามุมปากตกอย่างเห็นได้ชัด

ข้อดี:

  • ช่วยแก้ปัญหามุมปากตกคว่ำ ซึ่งทำให้ใบหน้าดูบึ้งตึงได้โดยตรง
  • เป็นหัตถการที่ใช้เวลาไม่นานและไม่ต้องพักฟื้น
  • มักทำควบคู่กับการฉีดฟิลเลอร์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

6. หัตถการยกกระชับ (Lifting Procedures)

เป็นการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของร่องน้ำหมาก มีทั้งการร้อยไหมเพื่อดึงผิวขึ้น และการใช้เครื่องมือพลังงานสูง (เช่น Ulthera, HIFU, Thermage) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องน้ำหมากที่เกิดจากความหย่อนคล้อยของผิวอย่างชัดเจน และต้องการผลลัพธ์ที่ครอบคลุมทั้งใบหน้า

ข้อดี:

  • แก้ปัญหาที่ต้นตอของความหย่อนคล้อย
  • ให้ผลลัพธ์การยกกระชับใบหน้าโดยรวม ทำให้กรอบหน้าคมชัดขึ้น
  • ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี
หัตถการยกกระชับ (Lifting Procedures)

บทสรุป

ร่องน้ำหมากเกิดจากปัจจัยมากมายไม่ว่าจะ ไลฟ์สไตล์ ปัจจัยภายนอกอย่างแสงแดด ฝุ่นควัน รวมถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้น การจะรับมือกับปัญหานี้จึงต้องอาศัยความเข้าใจและการดูแลที่ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะการป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ การปรับไลฟ์สไตล์ให้เหมาะสม รวมถึงการเลือกใช้สกินแคร์ที่มีประสิทธิภาพอย่าง นีเวีย ลูมินัส630 แอนตี้ เอจ แอนด์ สปอร์ต เซรั่ม ที่ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายใน จัดการได้ทั้งริ้วรอยและจุดด่างดำ และสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น หากมีร่องลึกอย่างยาวนานการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาหัตถการก็เป็นตัวเลือกที่ดี

ใจความสำคัญที่สุดคือการเริ่มต้นดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอและเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อให้คุณกลับมามีความสุขกับใบหน้าที่ดูสดใส อ่อนเยาว์ และเปี่ยมด้วยความมั่นใจในทุกๆ วัน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับร่องน้ำหมาก (FAQ)

1. Q: ร่องน้ำหมากกับร่องแก้มใช้วิธีการรักษาเหมือนกันหรือไม่?

A: มีความคล้ายคลึงกันและมักใช้เทคนิคเดียวกัน เช่น ฟิลเลอร์ แต่มีรายละเอียดในการประเมินและการฉีดที่แตกต่างกัน การรักษาร่องแก้มมักเน้นการเติมเต็มโดยตรง ในขณะที่ร่องน้ำหมากอาจต้องใช้เทคนิคการยกพยุงโครงหน้าหรือคลายกล้ามเนื้อที่ดึงมุมปากร่วมด้วย

2. Q: อายุเท่าไหร่ควรเริ่มดูแลปัญหาร่องน้ำหมาก?

A: การป้องกันสามารถเริ่มได้ตั้งแต่อายุ 20 ต้นๆ ด้วยการดูแลผิวพื้นฐานอย่างการทาครีมกันแดดและให้ความชุ่มชื้น ส่วนการดูแลที่จำเพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น การใช้สกินแคร์ Anti-aging มักจะเริ่มเมื่ออายุเข้าใกล้ 30 ปี หรือเมื่อเริ่มสังเกตเห็นริ้วรอยจางๆ

3. Q: การนวดหน้าช่วยให้ร่องน้ำหมากหายไปถาวรได้ไหม?

A: ไม่สามารถทำให้หายไปอย่างถาวรได้ โดยเฉพาะในร่องที่ลึกแล้ว แต่การนวดหน้าอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธีจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวดูสดใสขึ้น และช่วยชะลอการเกิดร่องลึกในอนาคตได้

4. Q: ฟิลเลอร์ร่องน้ำหมากอันตรายไหม?

A: หากทำโดยแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญสูง ใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. และทำในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ถือว่าเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูงมาก

เคล็ดลับที่น่าสนใจสำหรับคุณ