4. นวดและบริหารกล้ามเนื้อคอเป็นประจำ
การนวดเบาๆ ขณะทาสกินแคร์จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และการบริหารกล้ามเนื้อคอด้วยท่าง่ายๆ เช่น การเงยหน้ามองเพดาน จะช่วยเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ ทำให้ผิวบริเวณคอดูกระชับและชะลอความหย่อนคล้อยได้ดี
เทคนิคการทาครีมและนวดกระตุ้นผิวคอ (ทำได้ทุกวัน)
- วอร์มเซรั่ม บนฝ่ามือก่อนทาลงบนผิว
- ใช้ฝ่ามือลูบไล้เซรั่มในทิศทางขึ้นเสมอ โดยเริ่มจากบริเวณเนินอกขึ้นมาจนถึงลำคอและปลายคาง เพื่อเป็นการนวดต้านแรงโน้มถ่วง
- ใช้นิ้วมือค่อยๆ หยิบและหนีบผิวเบาๆ บริเวณแนวกรามเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
- ปิดท้ายด้วยการใช้ฝ่ามือลูบจากกึ่งกลางเนินอกออกไปทางด้านข้างลำตัว
5. Ultherapy
สำหรับผู้ที่กังวลเรื่องความหย่อนคล้อยและกรอบหน้าที่ไม่ชัดเจน Ultherapy คือเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ใช้พลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์ยิงลงไปลึกถึงชั้น SMAS (ชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่อย่างทรงพลัง ผลลัพธ์คือผิวที่ค่อยๆ ตึงกระชับขึ้น กรอบหน้าคมชัด และริ้วรอยจากความหย่อนคล้อยลดลงอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพักฟื้น
6. Botox
เหมาะสำหรับคนที่มีริ้วรอยเส้นแนวตั้ง (Platysmal Bands) ที่เห็นชัดเป็นเส้นเอ็นเวลาเกร็งคอ โบท็อกซ์คือคำตอบที่ตรงจุดที่สุด แพทย์จะฉีดโบท็อกซ์เพื่อคลายการทำงานของกล้ามเนื้อ Platysma ที่หดตัว ทำให้เส้นแนวตั้งที่เคยปรากฏดูเรียบเนียนไปกับผิวคอ ผลลัพธ์ชัดเจนและรวดเร็ว เหมาะกับการแก้ปัญหาริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อโดยตรง
7. ปรับเปลี่ยนท่านอนและเลือกหมอนที่เหมาะสม
การนอนตะแคงหรือใช้หมอนสูงเกินไปจะสร้างรอยพับที่คอได้นานหลายชั่วโมง ท่านอนที่ดีที่สุดคือการนอนหงาย หรือหากไม่ถนัด ควรเลือกใช้หมอนที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ที่ไม่ทำให้คอพับงอ เพื่อลดการเกิดริ้วรอยจากการนอนหลับ (Sleep Lines) ในระยะยาว
8. สครับผิวและให้ความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอ
การสครับผิวที่คอสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพออกไป ทำให้ผิวเปิดรับการบำรุงได้ดียิ่งขึ้น และอย่าลืมทามอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อล็อกความชุ่มชื้นให้ผิวเนียนนุ่มอยู่เสมอ