10 วิธีรักษารอยดำรอยแดงจากสิว

10 วิธีรักษารอยสิว ลดรอยดำรอยแดงจากสิวบนใบหน้า

อีกหนึ่งปัญหาผิวที่ทำเอาหลายคนท้อใจ โดยเฉพาะคนเป็นสิว นั่นก็คือปัญหาจัดการกับรอยดำรอยแดงจากสิว รวมไปถึงการรักษารอยสิวและรักษารอยดำรอยแดงจากสิวที่ผิดวิธี จนกลายเป็นจุดด่างดำฝังลึกในที่สุด เมื่อสิวหาย บางคนก็จะปล่อยให้รอยจางเองตามธรรมชาติ แต่เมื่ออายุมากขึ้น รอยดำรอยแดงจากสิวจะใช้เวลานานกว่าจะจางลง ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ เมื่อสีผิวไม่สม่ำเสมอก็ต้องพึ่งการปกปิดด้วยเครื่องสำอาง ทำให้เกิดการอุดตันและวนกลับมาเป็นสิวซ้ำ หรือวงจรสิวนั่นเอง

สารบัญบทความ

  • รอยสิวเกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดขึ้นจากสิวชนิดไหน
  • ประเภทของรอยสิว
  • วิธีรักษารอยสิว ลดรอยดำ รอยแดง จากสิวบนใบหน้า
  • วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดรอยสิวบนใบหน้า
  • วิธีการรักษาริ้วรอยด้วยหัตถการทางแพทย์
  • คำถามปัญหารอยดำรอยแดงจากสิว

รอยดำรอยแดงจากสิวเกิดขึ้นได้อย่างไร?

รอยดำรอยแดงจากสิวสามารถเกิดขึ้นจากสิวอักเสบหรือสิวอุดตันที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี เช่น การกดสิวหรือการเค้นสิวจนผิวบริเวณนั้นบอบช้ำ ทำให้เกิดปัญหารอยดำรอยแดงจากสิวและหลุมสิวตามมา แม้ว่ารอยดำรอยแดงจากสิวจะไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรง แต่ก็สร้างความกังวล ทำให้หมดความมั่นใจได้ วันนี้จะพาไปรู้จักสาเหตุและประเภทรอยดำรอยแดงจากสิวกัน

ประเภทของรอยสิว

สำหรับประเภทของรอยสิว สามารถแบ่งประเภทของรอยดำรอยแดงจากสิวตามอาการและลักษณะของรอยสิว ดังนี้

ประเภทของรอยดำรอยแดงจากสิว

1.รอยแดงจากสิว

รอยแดงจากสิวมีลักษณะเป็นสีแดง ชมพู หรือบางครั้งอาจมีสีม่วง ซึ่งรอยแดงจากสิวมักเกิดจากการอักเสบของผิวหนัง เมื่อมีการผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป จนทำให้อุดตันในรูขุมขน เกิดเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้ผิวอักเสบจนกลายเป็นสิวอักเสบนั่นเอง

2. รอยดำจากสิว

รอยดำจากสิวเป็นปัญหาที่สร้างความไม่มั่นใจให้กับหลายคน รอยดำจากสิวมีลักษณะเป็นจุดสีดำ น้ำตาลเข้ม หรือสีเทา ซึ่งเกิดจากจากการอักเสบและระคายเคืองของชั้นผิว ไปกระตุ้นให้เมลาโนไซต์ที่มีหน้าที่ผลิตเมลานินทำงานมากเกินไป มักเกิดในคนผิวคล้ำมากกว่าผิวขาว

ประเภทของรอยหลุมสิว

3. รอยหลุมสิว

รอยหลุมสิวเป็นรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวอักเสบที่ลึกถึงผิวชั้นใน เมื่อสิวหายแล้วร่างกายจะสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อมาใหม่เพื่อสมานแผล แต่ก็จะไม่ได้เรียบเนียนเหมือนผิวในตอนแรก เพราะได้รับบาดเจ็บในชั้นผิวหนังที่อยู่ลึกลงไป ทำให้คอลลาเจนและเนื้อเยื่อที่สร้างไม่เพียงพอในการซ่อมแซมผิว ทำให้เกิดเป็นรอยหลุม รอยดำรอยแดงจากสิวมักมาคู่กับรอยหลุม ทำให้การรักษาต้องอาศัยการดูแลที่เหมาะสม

10 วิธีรักษารอยดำรอยแดงจากสิวให้หายอย่างรวดเร็ว

การมีรอยดำรอยแดงจากสิวบนใบหน้าเป็นปัญหาที่หลายคนเผชิญ ซึ่งอาจทำให้ขาดความมั่นใจได้ หลายคนอาจสงสัยว่ารอยดำรอยแดงจากสิวกี่วันหาย และรอยสิวหายเองได้ไหม วันนี้เรามีคำตอบพร้อมวิธีรักษารอยดำรอยแดงจากสิวแบบเร่งด่วน มาให้ถึง 10 วิธี

วิธีรักษารอยดำรอยแดงจากสิว

1. หลีกเลี่ยงการแกะ บีบ กดสิว

ข้อสำคัญของการรักษารอยสิวหรือไม่เพิ่มรอยดำรอยแดงจากสิวให้มากกว่าเดิม คือควรหลีกเลี่ยงการไปสัมผัส บีบ แกะโดยไม่ได้ล้างมือ เพราะก่อให้เกิดการกระตุ้นการอักเสบของเนื้อเยื่อผิวหนัง รูขุมขนอักเสบและทำให้การรักษารอยดำรอยแดงจากสิวใช้เวลานานกว่าเดิม เพราะจะทำให้รอยดำรอยแดงจากสิวหายช้า และเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อได้

Sheet Mask ช่วยลดรอยดำรอยแดงจากสิว

2. ใช้ SHEET MASK บำรุงผิวช่วงกลางคืน

Sheet Mask ถือเป็นการบำรุงล้ำลึกและเร่งด่วนที่สามารถทำได้ทุกวัน ลองเลือกสูตรที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ ลดเลือนรอยดำรอยแดงจากสิว เช่น ไวท์เทนนิ่งหรือวิตามินซี ควบคู่กับสูตรรักษาสิวสลับกัน ก็จะช่วยกู้ผิวให้กลับมาแข็งแรงขึ้น พร้อมกับการรักษารอยดำรอยแดงจากสิวเร่งด่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 ใช้ครีมบำรุงลดจุดด่างดำรอยดำรอยแดงจากสิว

3. ครีมบำรุงที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ และรักษารอยดำรอยแดงจากสิว

เมื่อคุณต้องการลดเลือนรอยดำรอยแดงจากสิว หรือจุดด่างดำ ควรเลือกครีมบำรุงที่มีไวท์เทนนิ่ง หรือส่วนผสมที่ช่วยรักษารอยดำรอยแดงจากสิวได้ อย่างวิตามินซี (Vitamin C), อาร์บูติน (Arbutin), ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) แต่จำเป็นต้องผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนังแล้วว่าไม่ทำให้เกิดสิว ผิวบอบบางแพ้ง่าย หรือผิวเป็นสิวสามารถใช้ได้ เพื่อป้องกันการเกิดอาการแพ้สิวขึ้นซ้ำ จนส่งผลให้เกิดรอยดำรอยแดงจากสิวเพิ่มขึ้นได้ อย่าง นีเวีย ลูมินัส630 โพสต์ แอคเน่ มาร์ค เซรั่ม (NIVEA LUMINOUS630 POST-ACNE MARKS SERUM) เซรั่มสูตรพิเศษสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว และรอยดำรอยแดงจากสิวโดยเฉพาะ ด้วย 3 พลังทริปเปิ้ลแอคชัน ช่วยลดเลือนรอยดำรอยแดงจากสิวฝังลึก บำรุงผิวให้เรียบเนียน พร้อมควบคุมความมันบนใบหน้า ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวใหม่ เซรั่มเจลสีเขียวด้วยสารสกัดจากชาเขียว เนื้อบางเบา คุมมัน ไม่เหนียวเหนอะหนะ และสามารถใช้ได้ทุกวันเช้า-เย็น ช่วยให้ผิวเรียบเนียนกระจ่างใส ใน 2 สัปดาห์ลดโอกาสเกิดรอยดำรอยแดงจากสิวใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. วิตามินบำรุงผิว

การใช้อาหารเสริมเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถรักษารอยดำรอยแดงจากสิวได้ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเองหรือรับประทานอาหารได้ไม่ครบ 5 หมู่ วิตามินที่แนะนำคือ วิตามินซี และวิตามินที่ช่วยลดสิวอย่าง Zinc จะช่วยให้ผิวกระจ่างใส ช่วยลดสิว และลดเลือนรอยดำรอยแดงจากสิว วิตามินเหล่านี้ยังช่วยป้องกันการเจริญเติบโตเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ไขมันไม่ไปอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว เพียงเท่านี้ เมื่อปัญหาสิวลดลง รอยดำรอยแดงจากสิวก็จะจางลงตามไปด้วยเช่นกัน

วิตามินซีลดรอยดำรอยแดงจากสิว

5. สครับหน้าอาทิตย์ละครั้ง

การสครับหน้าเป็นอีกวิธีที่ช่วยลดรอยดำรอยแดงจากสิว โดยเฉพาะถ้ามีรอยดำรอยแดงจากสิวสะสมอยู่มาก การสครับหน้าจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออกไป ทำให้สีผิวสม่ำเสมอ ในปัจจุบันมีสครับหลากหลายรูปแบบ อาจมาในรูปแบบโฟมล้างหน้าหรือเราสามารถทำเองได้ สูตรที่อยากแนะนำคือ สูตรน้ำตาลทรายแดงผสมโยเกิร์ตและน้ำมะนาว ส่วนผสมทั้ง 3 นี้ จะช่วยผลัดเซลล์ผิวและเพิ่มความชุ่มชื้นได้อีกด้วย การสครับควรทำเพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และวิธีนี้เหมาะกับคนที่ไม่มีสิวอักเสบ เพราะการสครับผิวหน้าอาจไปกระทบกับสิวที่มีอยู่ได้และทำให้เกิดรอยดำรอยแดงจากสิวเพิ่มขึ้นได้

สครับหน้าลดรอยดำรอยแดงจากสิว

6. มาสก์สมุนไพรธรรมชาติแบบ D.I.Y.

อีกวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษารอยดำรอยแดงจากสิวที่ฮิตมาตั้งแต่รุ่นแม่ คือการใช้สมุนไพรธรรมชาติที่เราสามารถทำได้เองที่บ้านอย่าง การใช้ว่านหางจระเข้ผสมกับมะนาว สูตรนี้ช่วยลดการอักเสบของสิวและยังสามารถลดรอยดำรอยแดงจากสิวได้อีกด้วย แนะนำให้ทำมาสก์นี้วันเว้นวัน ต่อเนื่องประมาณสองสัปดาห์ รับรองว่าหน้าจะกระจ่างใสขึ้น เป็นวิธีรักษารอยดำรอยแดงจากสิวเร่งด่วนที่ทำง่ายๆ และได้ผลดี

7. การฉีดเมโสหน้าใส

การฉีดเมโสหน้าใส หรือ Mesotherapy เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการรักษารอยดำรอยแดงจากสิว เพราะเป็นการฉีดสารสกัดจากวิตามินที่มีความสำคัญต่อผิว เช่น วิตามินซี วิตามินเอ วิตตามินอี กลูต้าไธโอน คอลลาเจน คิวเท็น และโคเอนไซน์ ซึ่งแพทย์ผู้เชียวชาญจะทำการเลือกสูตรวิตามินที่เหมาะสมกับการแก้ปัญหาผิว เพื่อประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวที่หมองคล้ำ ลดรอยดำรอยแดงจากสิวและจุดด่างดำบนใบหน้า

8. การลอกหน้าผลัดเซลล์ผิว

การลอกหน้าผลัดเซลล์ผิว หรือ Chemical Peeling เป็นกระบวนการที่ใช้น้ำยาเคมีเพื่อลอกผิวหน้าและปรับปรุงคุณภาพของผิวให้ดีขึ้นโดยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และกำจัดผิวที่เสื่อมสภาพออกไป ผลลัพธ์ที่ได้คือทำให้รอยดำรอยแดงจากสิวจางลงและใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ขึ้น

ลอกหน้าผลัดเซลล์ผิวลดรอยดำรอยแดงจากสิว

 9. เลเซอร์รักษารอยดำรอยแดงจากสิว

สำหรับวิธีนี้จะสามารถรักษารอยดำรอยแดงจากสิวและหลุมสิวได้ดี เนื่องจากแสงเลเซอร์สามารถเข้าถึงผิวหนังชั้นบนและชั้นกลางได้ ช่วยกระตุ้นให้เกิดเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงมากขึ้น การรักษารอยดำรอยแดงจากสิวด้วยเลเซอร์อาจจะต้องทำหลายครั้ง ขึ้นอยู่กับจำนวนรอยที่เกิดขึ้นและระยะเวลาที่เป็น

10. การใช้คลื่นแสงที่มีความเข็มสูง IPL

IPL (Intense Pulse Light) เป็นแสงที่มีความเข็มสูงและช่วงคลื่นกว้างกว่าเลเซอร์ การรักษาด้วย IPL สามารถฟื้นฟูสภาพผิว กระตุ้นการสร้างอิลาสตินและคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ลดความหมองคล้ำ จุดด่างดำและรอยดำรอยแดงจากสิวดูจางลง ซึ่งสามารถใช้รักษาได้หลายส่วนของร่างกาย เช่น ใบหน้า ลำคอ แผ่นหลัง และหน้าอก เป็นต้น

วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดรอยดำรอยแดงจากสิวบนใบหน้า

1. หลีกเลี่ยงการแกะ บีบ กดสิวด้วยตนเอง

ข้อสำคัญของการรักษารอยดำรอยแดงจากสิวหรือไม่เพิ่มรอยสิวให้มากกว่าเดิม เริ่มจากหลีกเลี่ยงการไปแกะ บีบ หรือกดสิวด้วยตนเอง เพราะก่อให้เกิดการกระตุ้นเนื้อเยื่อผิวหนังและอาจทำให้รูขุมขนอักเสบ การกระทำเหล่านี้อาจทำให้รอยดำรอยแดงจากสิวเพิ่มขึ้น และใช้เวลารักษานานกว่าเดิม การกดสิวโดยไม่ได้ล้างมือ ยิ่งเพิ่มโอกาสให้ผิวหนังอักเสบและรอยแดงหายช้าอีกด้วย

2.ทาครีมกันแดดเป็นประจำก่อนออกไปข้างนอก

การทาครีมกันแดดเป็นประจำก่อนออกไปข้างนอก เป็นการปกป้องผิวหน้าจากอันตรายของแสงแดดที่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดให้รอยดำรอยแดงจากสิวหรือปัญหาผิวอื่นๆบนใบหน้าได้

วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดรอยดำรอยแดงจากสิว

หากไม่อยากให้ใบหน้ามีรอยดำรอยแดงจากสิว ควรเริ่มจากการรักษาสิวอย่างถูกวิธี และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมตามประเภทของสิว เช่น สิวหัวดำ สิวไม่มีหัว และสิวอักเสบ หากเป็นมากควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการรักษารอยดำรอยแดงจากสิวอย่างตรงจุดและไม่กลับมาเป็นซ้ำเดิมอีก

คำถามปัญหารอยดำรอยแดงจากสิว

1.ปัญหารอยดำรอยแดงจากสิวสามารถหายได้เองหรือไม่

การรักษารอยดำรอยแดงจากสิวเป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่หลายคนกังวล รอยดำรอยแดงจากสิวจะจางหายไปเองตามธรรมชาติ แต่อาจต้องใช้ระยะเวลานาน หลายเดือนหรือเป็นปี ซึ่งการจางหายของรอยดำรอยแดงจากสิวไม่มีเวลาที่แน่นอนขึ้นอยู่กับสภาพผิวและระดับความลึกของรอยสิว เพราะฉะนั้นหากต้องการให้รอยเหล่านี้หายไป การดูแลผิวอยู่เป็นประจำถือเป็นวิธีป้องกันต้นต่อของปัญหาที่ดีที่สุด

2.มีวิธีการไหนรักษารอยสิว รอยดำรอยแดงจากสิวที่หายได้เร็วที่สุด

การรักษารอยดำรอยแดงจากสิวให้หายได้เร็วที่สุด อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ความรุนแรงของรอยสิว ประเภทผิวหน้า และการดูแลผิวหน้า ดังนั้นควรใช้วิธีการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาที่เกิดขึ้นของแต่ละคน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการวินิจฉัยปัญหาผิวและเลือกวิธีการรักษารอยดำรอยแดงจากสิวอย่างตรงจุด

3.รักษารอยดำรอยแดงจากสิวจนหายแล้ว สามารถกลับมาเป็นซ้ำอีกได้หรือไม่

ในกรณีที่รอยดำรอยแดงจากสิวหายแล้ว หากไม่ได้ดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง รอยดำรอยแดงจากสิวสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ ดังนั้น การรักษารอยดำรอยแดงจากสิวจึงควรมาควบคู่กับการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าและบำรุงผิวที่เหมาะสมและป้องกันด้วยครีมกันแดดเมื่อออกไปเผชิญแสงแดด หากยังมีปัญหารอยดำรอยแดงจากสิวที่เกิดซ้ำ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาและคำแนะนำที่เหมาะสม

ทิปส์ที่น่าสนใจสำหรับคุณ