วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดรอยดำรอยแดงจากสิวบนใบหน้า
1. หลีกเลี่ยงการแกะ บีบ กดสิวด้วยตนเอง
ข้อสำคัญของการรักษารอยดำรอยแดงจากสิวหรือไม่เพิ่มรอยสิวให้มากกว่าเดิม เริ่มจากหลีกเลี่ยงการไปแกะ บีบ หรือกดสิวด้วยตนเอง เพราะก่อให้เกิดการกระตุ้นเนื้อเยื่อผิวหนังและอาจทำให้รูขุมขนอักเสบ การกระทำเหล่านี้อาจทำให้รอยดำรอยแดงจากสิวเพิ่มขึ้น และใช้เวลารักษานานกว่าเดิม การกดสิวโดยไม่ได้ล้างมือ ยิ่งเพิ่มโอกาสให้ผิวหนังอักเสบและรอยแดงหายช้าอีกด้วย
2. ทาครีมกันแดดเป็นประจำก่อนออกไปข้างนอก
การทาครีมกันแดดเป็นประจำก่อนออกไปข้างนอก เป็นการปกป้องผิวหน้าจากอันตรายของแสงแดดที่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดให้รอยดำรอยแดงจากสิวหรือปัญหาผิวอื่นๆบนใบหน้าได้
3. รักษาความสะอาดของเครื่องนอน และสิ่งที่สัมผัสใบหน้าเป็นประจำ
สิ่งของที่สัมผัสกับใบหน้าเป็นประจำ อาทิ ปลอกหมอน ผ้าเช็ดหน้า หน้ากากอนามัย และหน้าจอโทรศัพท์ เป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย น้ำมัน และสิ่งสกปรกที่อาจทำให้เกิดสิวและเพิ่มการอักเสบ การเปลี่ยนปลอกหมอนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ล้างแปรงแต่งหน้าทุกสัปดาห์ และทำความสะอาดหน้าจอโทรศัพท์ด้วยแอลกอฮอล์ทุกวันจะช่วยลดการสะสมของเชื้อโรค หากมีสิวอยู่แล้ว ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าแยกสำหรับเช็ดบริเวณที่มีสิวเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ
4. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อตัดวงจรสิวโดยเฉพาะ
การป้องกันรอยดำรอยแดงจากสิวอย่างมีประสิทธิภาพต้องเริ่มจากการตัดวงจรสิวตั้งแต่ต้นเหตุ โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อปิดสวิทช์วงจรสิวโดยเฉพาะ ซึ่งประกอบด้วยสารสำคัญ เช่น ไนอาซินาไมด์ที่ลดการอักเสบ ซาลิไซลิก แอซิดที่ผลัดเซลล์ผิว และไฮยารูลอนที่ให้ความชุ่มชื้นโดยไม่เพิ่มความมัน การใช้ผลิตภัณฑ์ครบขั้นตอนตั้งแต่ทำความสะอาด บำรุง จนถึงการพอกหน้าช่วงกลางคืน จะช่วยจัดการสิวตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ป้องกันไม่ให้สิวอักเสบรุนแรงจนเกิดเป็นรอยดำรอยแดง โดยผลการใช้มักเห็นการลดลงของสิวและรอยสิวภายใน 7 วัน ซึ่งเป็นการป้องกันที่ต้นเหตุได้อย่างแท้จริง