รู้จักสาเหตุและ 7 วิธีรักษารอยแดงจากสิวให้หายขาด

รู้จักสาเหตุและ 7 วิธีรักษารอยแดงจากสิวให้หายขาด

รอยสิวบนใบหน้า ปัญหาผิวที่กวนใจใครหลายคน โดยเฉพาะ "รอยแดงจากสิว" ที่มักทิ้งร่องรอยไว้หลังจากเกิดสิวอักเสบ ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะวัยรุ่นที่มักมีปัญหาเป็นสิวในช่วงวัยนี้ ส่งผลให้ความมั่นใจลดลงจนต้องแต่งหน้า หรือใส่แมสเพื่อปกปิดรอยสิวอยู่เสมอ ๆ ดังนั้น การดูแลรักษารอยแดงจากสิวจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรู้จักประเภทของรอยสิว เพื่อที่จะได้เลือกวิธีรักษารอยแดงจากสิวอย่างถูกต้องและช่วยให้รอยแดงจากสิวจางลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประเภทของรอยสิว

1. รอยแดงจากสิว

รอยแดงจากสิว (Post – Inflammatory Erythema) เป็นรอยที่เกิดจากการอักเสบของผิวหนัง ทำให้ผิวมีสีแดง ชมพู รวมถึงสีม่วง รอยแดงจากสิวเกิดจากการอักเสบของผิวหนัง เมื่อผิวหนังเกิดอาการอักเสบร่างกายจะเริ่มฟื้นฟูตัวเอง โดยลำเลียงเลือดไปยังบริเวณผิวหนังที่อักเสบ เพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย ทำให้บริเวณที่เป็นสิวอักเสบเกิดการขยายตัวของหลอดเลือดที่อยู่ภายใต้ผิวหนังกลายเป็นสิวอักเสบ ทำให้เกิดรอยแดงจากสิวขึ้น รอยแดงเหล่านี้สามารถคงอยู่ได้หลายสัปดาห์หรือนานกว่านั้น หากไม่ได้รับการรักษารอยแดงจากสิวอย่างเหมาะสม

2. รอยดำจากสิว

รอยดำจากสิว (Post – Inflammatory Hyperpigmentation) เกิดจากการอักเสบหรือการระคายเคืองของผิวหนัง การอักเสบจะไปกระตุ้นให้เมลาโนไซต์ (Melanocytes) ที่ทำหน้าที่ผลิตเมลานิน ซึ่งเมลานินเป็นสารที่ทำให้เกิดสีผิว จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยดำที่บริเวณผิวหนัง ซึ่งรอยดำจากสิวมักเกิดขึ้นหลังจากการอักเสบของผิวหนังและมีลักษณะเป็นได้ทั้งรอยสีดำ สีน้ำตาล หรือสีเทา การเกิดรอยดำเป็นการอักเสบบริเวณผิวหนังชั้นผิวหนังแท้ ทำให้การรักษารอยดำใช้เวลานานและยากกว่าการรักษารอยแดงจากสิว

3. รอยหลุมสิว

รอยหลุมสิว (Atrophic Scars) เป็นรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวอักเสบ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการการรักษาแผลบริเวณที่เป็นสิว เมื่อผิวหนังถูกทำลายจากสิว ร่างกายจะพยายามซ่อมแซมโดยการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อขึ้นมาเพื่อสมานแผล แต่มักไม่เรียบเนียนเหมือนผิวหนังในตอนแรก เพราะเกิดการบาดเจ็บในชั้นผิวหนังที่อยู่ลึกลงไปทำให้คอลลาเจนและเนื้อเยื่อที่สร้างไม่เพียงพอ

สาเหตุของรอยแดงจากสิว

รอยแดงจากสิวเกิดจากการอักเสบของผิวหนัง ซึ่งทำให้เกิดสิวอุดตัน เมื่อผิวบริเวณนั้นเกิดการอักเสบขึ้น ร่างกายจะเริ่มกระบวนการฟื้นฟูตัวเองด้วยการเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังบริเวณผิวหนังที่อักเสบ เพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ส่งผลให้ผิวบริเวณดังกล่าวดูแดงหรือเกิดรอยแดงจากสิวขึ้น การอักเสบของผิวหนังจึงเป็นส่วนหนึ่งในขั้นตอนของกระบวนการการฟื้นฟูเนื้อเยื่อผิวที่เสียหาย และหากไม่ได้รับการรักษารอยแดงจากสิวที่เหมาะสม อาจทำให้รอยแดงคงอยู่เป็นเวลานานกว่าที่ควร

7 วิธีรักษารอยแดงจากสิว ให้หายจริง

การรักษารอยแดงจากสิวเป็นสิ่งที่หลายคนกังวล แต่สามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้

1. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดรอยแดงจากสิว

การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษารอยแดงจากสิวเป็นวิธีที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว เพราะสามารถช่วยเร่งการฟื้นตัวของผิวและลดความเสี่ยงของปัญหาสิวได้ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารออกฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบและลดรอยแดงจากสิว

  • สารสกัดจากใบบัวบก (Centella Asiatica / Cica) มีชื่อเสียงด้านการปลอบประโลม ลดการระคายเคือง และส่งเสริมการสมานแผล
  • วิตามินซี (Vitamin C) สารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม ช่วยลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และทำให้ผิวกระจ่างใส
  • กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid - BHA) ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตัน และมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ (ควรใช้ในความเข้มข้นที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้ระคายเคือง)
  • กรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid) ลดการอักเสบ รอยแดง และช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย
  • ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide - Vitamin B3) ช่วยลดการอักเสบ รอยแดง เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว และควบคุมความมัน อย่าง NIVEA Derma Acne Care Skin Clear & Protect Serum (นีเวีย เดอร์มา แอคเน่ เคลียร์ แอนด์ โพรเทค เซรั่ม) ที่ผสานไฮยาลูรอน โปร-วิตามินบี 5 และไนอาซินาไมด์ ช่วยลดโอกาสเกิดสิว ลดเลือนรอยสิว เติมความชุ่มชื้น และฟื้นบำรุงเกราะปกป้องผิว ใช้เป็นประจำทุกวันหลังทำความสะอาดผิวและก่อนการทาครีมบำรุงผิว
นีเวีย เดอร์มา แอคเน่ เคลียร์ แอนด์ โพรเทค เซรั่ม

2. ปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างสม่ำเสมอ

แสงแดดและรังสียูวีเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้รอยแดงเข้มขึ้น จางช้าลง และอาจกระตุ้นให้เกิดรอยดำได้ ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และมีค่า PA+++ ทุกวัน แม้ในวันที่ไม่มีแดดหรืออยู่ในที่ร่ม เพราะแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดรอยแดงเพิ่มมากขึ้น สำหรับผิวที่มีปัญหาสิวและรอยแดง ควรเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิวโดยเฉพาะ อย่าง นีเวีย ซัน เซนส์ซิทีฟ โพรเท็ค แอนด์ ไลท์ ฟีล SPF50 (NIVEA SUN Sensitive Protect & Light Feel SPF50+ PA+++) เซรั่มกันแดดเนื้อเบาบางสูตรอ่อนโยน เนื้อบางเบา สำหรับผิวบอบบางและผิวที่เป็นสิวง่าย ด้วยสูตรปราศจากสารระคายเคือง 14 ชนิด ไม่มีน้ำหอมและพาราเบน ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของคนที่ใช้ครีมกันแดดแล้วเกิดสิว ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนังในเกาหลีว่าใช้ได้กับผิวที่เป็นสิวง่ายและผิวแพ้ง่าย จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการป้องกันแสงแดดบนผิวที่มีรอยแดงจากสิว เพื่อไม่ให้รอยแดงเข้มขึ้นหรือกลายเป็นรอยดำที่รักษายากขึ้น

3. ว่านหางจระเข้ลดรอยแดงจากสิว

ว่านหางจระเข้เป็นสมุนไพรที่มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยสมานแผล ลดการอักเสบ และรักษาความสมดุลของผิว ทั้งยังช่วยลดรอยแผลเป็นและรักษารอยแดงจากสิวให้จางลงได้เช่นกัน โดยสามารถใช้เจลว่านหางจระเข้บริสุทธิ์แทนว่านหางจระเข้สดได้ แต่ควรเลือกแบบที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือน้ำหอม

ว่านหางจระเข้ลดรอยแดงจากสิว

4. การเลเซอร์ลดรอยแดงจากสิว

เลเซอร์เป็นอีกวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษารอยแดงจากสิว โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือยิงเลเซอร์เข้าสู่ชั้นผิวเพื่อลดการอักเสบที่เป็นสาเหตุของรอยแดงจากสิว ปกติแล้วแสงเลเซอร์จะรักษารอยแดงจากสิวที่ผิวหนังชั้นบนและผิวหนังกลาง โดยจะไปกระตุ้นให้เซลล์ผิวเกิดใหม่ที่แข็งแรงมากขึ้น เพื่อมาทดแทนรอยแผลเดิม วิธีรักษารอยแดงจากสิวด้วยเลเซอร์เป็นวิธีที่ปลอดภัยและไม่รู้สึกเจ็บ แต่ต้องทำอย่างต่อเนื่องและมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

  • Pulsed Dye Laser (PDL) / Vbeam เป็น Gold Standard ในการรักษารอยแดง โดยเลเซอร์จะไปทำลายหลอดเลือดที่ผิดปกติ โดยไม่ทำลายผิวหนังโดยรอบ
  • Intense Pulsed Light (IPL) ใช้ช่วงคลื่นแสงกว้าง สามารถช่วยลดรอยแดงและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ การรักษาด้วยเลเซอร์ มักต้องทำหลายครั้ง มีค่าใช้จ่ายสูง และควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

5. การฉีดเมโสหน้าใสเพื่อลดรอยแดงจากสิว

การฉีดเมโสหน้าใสเป็นการฉีดวิตามินและสารบำรุงผิวที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์เข้าไปในชั้นผิวหนังแท้ ประกอบไปด้วยคอลลาเจน อิลาสตินและเนื้อเยื่อต่างๆ ที่ให้ความแข็งแรงกับผิว ผิวกระจ่างใส ชุ่มชื้น ลดการอักเสบของผิว และช่วยรักษารอยแดงจากสิว ทำให้รอยแดงลดเลือนได้เร็วขึ้น

การฉีดเมโสหน้าใสเพื่อลดรอยแดงจากสิว

6. การทำ Hifu ลดรอยแดงจากสิว

เป็นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว จะไม่ใช่การลดรอยดํารอยแดงจากสิวโดยตรง แต่ช่วยทำให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้นมากขึ้น การทำ Hifu เป็นการบำรุงผิวจากภายใน ทำงานโดยใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ที่พัฒนามาจากการอัลตร้าซาวด์ดูครรภ์ทางการแพทย์ ยิงเข้าไปใต้ชั้นผิวแต่ละชั้นโดยตรง นอกจากช่วยเรื่องคุณภาพผิว กระชับผิวแล้ว ยังช่วยรักษารอยแดงจากสิวให้จางลงได้

7. การดูแลผิวอย่างถูกวิธีและอดทน

พื้นฐานสำคัญที่สุดคือการมี Skincare Routine ที่ดี ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน ให้ความชุ่มชื้น และที่สำคัญคือ "ความอดทน" รอยแดงต้องใช้เวลาในการจางลง การให้เวลากับผิวในการฟื้นฟูตัวเอง คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้บอกลารอยแดงจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ฉะนั้นอย่าท้อถอยหรือเปลี่ยนผลิตภัณฑ์บ่อยจนเกินไป เพราะอาจเกิดอาการดื้อยาได้

5 วิธีดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดรอยแดงจากสิว

1. ห้ามบีบ แกะหรือเกาสิว

พฤติกรรมเหล่านี้เป็นการกระตุ้นให้เนื้อเยื่อของผิวหนังและรูขุมขนอักเสบมากขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็น และส่งผลให้รอยแดงจากสิวหายช้าขึ้น

2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่เหมาะสม

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิว เป็นสิ่งสำคัญในการรักษารอยแดงจากสิว ช่วยเร่งการฟื้นตัวของผิวภายในและลดความเสี่ยงในการเกิดสิว ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ลดการระคายเคือง ต้านการอักเสบของผิว และช่วยกระตุ้นให้ผิวให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น

3. ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ

การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวชุ่มชื้น สุขภาพดี ลดการเกิดสิวได้ และยังช่วยขับสารพิษและทำให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น หากร่างกายขาดน้ำจะทำให้ผิวแห้ง และผลิตน้ำมันออกมาเยอะขึ้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิว

4. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว

โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินช่วยบำรุงผิว เช่น วิตามินซี วิตามินบี ซึ่งจะมีอยู่ในอาหารประเภทผักผลไม้ รวมถึงเนื้อสัตว์ที่มีโปรตีนสูง จะช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ ช่วยให้ผิวแข็งแรงและลดการเกิดสิวได้ ทำให้การรักษารอยแดงจากสิวมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

5. ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบบครบวงจรด้วยเทคโนโลยีตัดวงจรสิว

วิธีล่าสุดที่ได้ผลดีในการกระตุ้นกระบวนการรักษาผิว ฟื้นฟูเกราะปกป้องผิวคือการใช้ชุดผลิตภัณฑ์ที่ทำงานร่วมกันเป็นระบบ นีเวีย เดอร์มา แอคเน่ แคร์ ด้วยประสิทธิภาพ "ปิดสวิทช์วงจรสิว" ที่ผสานการทำงานของสารสำคัญ 6 ชนิด ทั้งไนอาซินาไมด์ที่ช่วยลดการอักเสบและรอยแดง, ซาลิไซลิคและไกลโคลิค แอซิดที่ผลัดเซลล์ผิว, เกลือซีซอลต์ที่ต้านแบคทีเรีย, ไฮยารูลอนที่เพิ่มความชุ่มชื้น และโปรวิตามินบี 5 ที่ฟื้นฟูผิว

การเริ่ม skincare routine ตั้งแต่ไมเซล่าและโฟมล้างหน้า ตามด้วยเซรั่ม และโอเวอร์ไนท์มาสก์ที่ทำงานร่วมกัน ส่งผลให้ช่วยลดการอักเสบและรอยแดงจากสิวเมื่อใช้ต่อเนื่องเป็นประจำเช้า-เย็น

ขั้นตอนตัดวงจรสิวในตอนเช้า

เริ่มจากการทำความสะอาดล้ำลึกด้วยไมเซล่าที่ดูดซับสิ่งสกปรกเหมือนแม่เหล็ก ตามด้วยโฟมล้างหน้าเจลที่เปลี่ยนเป็นโฟมเมื่อสัมผัสน้ำ ช่วยลดการอุดตันและป้องกันการเกิดสิวซ้ำ จากนั้นใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของสารลดการอักเสบและช่วยฟื้นฟูเกราะปกป้องผิว และทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป

ขั้นตอนตัดวงจรสิวในตอนเช้า

ขั้นตอนตัดวงจรสิวในตอนกลางคืน

ทำความสะอาดเครื่องสำอางด้วยไมเซล่าที่ดูดซับสิ่งสกปรกเหมือนแม่เหล็ก ตามด้วยโฟมล้างหน้าเจลที่เปลี่ยนเป็นโฟมเมื่อสัมผัสน้ำ ช่วยลดการอุดตันและป้องกันการเกิดสิวซ้ำ จากนั้นใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของสารลดการอักเสบและช่วยฟื้นฟูเกราะปกป้องผิว ปิดท้ายด้วยโอเวอร์ไนท์มาส์กที่ทำงานระหว่างคุณหลับ ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดรอยดำรอยแดงจากสิว ใช้อย่างต่อเนื่อง 7 วันจะช่วยให้ผิวบูสต์ความใส และลดโอกาสการเกิดรอยแผลเป็นจากสิวใหม่

ขั้นตอนตัดวงจรสิวในตอนกลางคืน

เมื่อไหร่ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง?

หากรอยแดงจากสิวไม่ดีขึ้นหลังจากการดูแลตัวเองเป็นเวลาหลายเดือน หรือหากคุณมีสิวอักเสบรุนแรงและเกิดรอยแดงจำนวนมาก การปรึกษาแพทย์ผิวหนังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แพทย์สามารถประเมินสภาพผิวของคุณได้อย่างถูกต้อง แนะนำการรักษาที่เหมาะสมกับคุณโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นยาทา ผลิตภัณฑ์ที่เข้มข้นกว่า OTC หรือหัตถการต่างๆ เช่น เลเซอร์ หรือ Chemical Peels

การดูแลรักษารอยแดงจากสิวจะใช้เวลาค่อนข้างนาน จำเป็นต้องทำตามคำแนะนำของแพทย์ และต้องไม่ลืมดูแลผิวอย่างเหมาะสม เพื่อให้รอยแดงจากสิวจางลงเร็วขึ้น การใช้สกินแคร์ที่ถูกต้องและปกป้องผิวจากแสงแดดจะช่วยให้ผลการรักษารอยแดงจากสิวดีขึ้นและใช้ระยะเวลาน้อยลง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหารอยแดงจากสิว

1. Q: รอยแดงจากสิวหายเองได้ไหม และใช้เวลานานแค่ไหน?

A: รอยแดงจากสิวสามารถหายเองได้ตามธรรมชาติ แต่อาจต้องใช้ระยะเวลานาน หลายเดือนหรือเป็นปี ซึ่งการจางหายของรอยแดงจากสิวไม่มีเวลาที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและระดับความลึกของรอยสิว โดยปกติรอยแดงที่ไม่รุนแรงจะจางลงใน 1-3 เดือน แต่ถ้าเป็นรอยแดงที่ฝังลึกอาจใช้เวลานานถึง 6 เดือนหรือมากกว่า หากต้องการให้รอยเหล่านี้หายเร็วขึ้น การดูแลผิวอย่างต่อเนื่องและใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมจะช่วยได้ดีกว่าการปล่อยให้หายเอง

2. Q: ทำไมรอยแดงจากสิวถึงไม่หายสักที?

A: รอยแดงจากสิวที่ไม่หายอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การโดนแสงแดดโดยไม่ทาครีมกันแดด ทำให้รอยแดงเข้มขึ้น การแกะ บีบ หรือเกาสิวบ่อยๆ ก่อให้เกิดการอักเสบเพิ่ม การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว หรือขาดการดูแลอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ปัจจัยด้านพันธุกรรมและประเภทผิวก็มีส่วนทำให้รอยแดงคงอยู่นาน หากพยายามดูแลมานานแล้วแต่รอยแดงไม่จางลง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อหาสาเหตุและวิธีรักษาที่เหมาะสม

3. Q: รอยแดงจากสิวต่างจากรอยดำอย่างไร?

A: รอยแดงจากสิวเกิดจากหลอดเลือดเสียหายหลังสิวอักเสบ ส่วนรอยดำจากสิวเกิดจากเม็ดสีผิวผลิตขึ้นมามากเกินไป

4. Q: ถ้าเป็นรอยแดงจากสิว ควรแต่งหน้าไหม?

A: แต่งหน้าได้ แต่ควรเลือกเครื่องสำอางที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) และทำความสะอาดผิวให้หมดจดทุกครั้งหลังแต่งหน้า

5. Q: ทาครีมกันแดดแล้วรอยแดงจะหายเร็วขึ้นจริงหรือ?

A: จริง เพราะแสงแดดทำให้รอยแดงเข้มขึ้นและจางช้าลง ครีมกันแดดช่วยปกป้องผิวและเอื้อต่อกระบวนการฟื้นฟู

คุณอาจชอบสิ่งนี้