“ฝ้า” ภาษาอังกฤษ เรียกว่า melasma หรือ เมลาสมา ดูง่ายๆ คือ จะเป็นแผ่นๆ ปื้นๆ มีหลายขนาด หลายรูปร่าง หลายสี ตั้งแต่เข้มจนไปถึงอ่อนๆ จางๆ ขึ้นอยู่กับว่าฝ้านั้นเกิดขึ้นที่ผิวหนังชั้นไหน หนังแท้ หรือหนังกำพร้า ถ้าฝ้าแบบตื้น ก็จะอยู่ในชั้นหนังกำพร้า ฝ้าแบบลึก จะเกิดขึ้นในชั้นหนังแท้ จะมีสีน้ำตาลผสมเทาเข้ม รักษาหายยากกว่าฝ้าแบบตื้น และยังมีอีกแบบ คือ ฝ้าแบบผสม ซึ่ง เป็นทั้งแบบตื้นและลึก ผสมกันกระจายกันไปทั่วทั้งใบหน้า ซึ่งสาเหตุหลักๆ ของการเกิดฝ้านั้นก็คือรังสี UV ที่เราได้รับในทุกๆ วันนี่แหละ เนื่องจากเมื่อผิวเราได้รับรังสี UV มากขึ้น เม็ดสีเมลานินที่อยู่บนหน้าเราก็จะถูกผลิตเยอะขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้เกิดฝ้าที่มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงเข้มขึ้นมา
แต่นอกจากรังสี UV แล้ว ฝ้าก็ยังเกิดได้จากความเครียด การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ เช่น ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์บางคน อยู่ๆ ก็อาจมีฝ้าเกิดขึ้นมาได้ ซึ่งนั่นเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกาย หรือแม้แต่เครื่องสำอางและครีมทาหน้าบางประเภทที่มีส่วนผสมของน้ำหอม สี หรือฮอร์โมนก็อาจส่งผลให้เกิดฝ้าได้ด้วยเช่นกัน
กระคืออะไร? กระบนใบหน้าเกิดขึ้นได้อย่างไร?
กระ (freckles) จะเป็นจุดเล็กๆ กลมๆ มีขอบชัดเจน กระจายอยู่ทั่วใบหน้า โดยเฉพาะแก้ม และหน้าผาก บางคนอาจขึ้นบริเวณลำคอ แขน ขา โดยสีของกระจะมีตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงน้ำตาลเข้มชัด ซึ่งสามารถแบ่งได้ 4 ชนิดคือกระตื้น กระลึก กระเนื้อ และกระแดด แต่ละชนิดจะเป็นอย่างไร สามารถสังเกตได้ดังนี้
1. กระตื้น ลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลเล็กๆ มักขึ้นบริเวณโหนกแก้มทั้ง 2 ข้าง ส่วนมากเกิดจากกรรมพันธ์ ทำให้เซลล์เม็ดสีไวต่อแดด ควรปกป้องด้วยครีมกันแดด เพื่อลดการขยายเมื่อถูกกระตุ้นด้วยแสงแดด
2. กระลึก ลักษณะเป็นจุดเล็กๆ หรือแผ่นสีน้ำตาล เทา ดำ ขอบไม่ชัด มักขึ้นที่โหนกแก้ม ดั้งจมูก และขมับ เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดสีบริเวณชั้นหนังแท้ หากเป็นช่วงวัยรุ่นหรือช่วงตั้งครรภ์อาจเห็นชัดขึ้น
3. กระเนื้อ ลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ สีน้ำตาลอ่อนและน้ำตาลเข้ม ขึ้นบริเวณใบหน้า ลำคอ หน้าอก หลัง เกิดจากผิวหนังชั้นหนังกำพร้าเจริญเติบโตกว่าปกติ จะถูกกระตุ้นด้วยแสงแดดและอายุที่มากขึ้น
4. กระแดด ลักษณะเป็นจุดหรือปื้นเรียบๆ มีสีน้ำตาลหรือสีดำขนาดเล็กและขอบชัด มักเกิดขึ้นในผู้ใหญ่ที่มีผิวขาวและมีอายุมาก
เพราะฉะนั้น กระ กับ ฝ้า จะแตกต่างกันอย่างชัดเจน คือ ฝ้า จะมีลักษณะเป็นปื้นและมีขนาดใหญ่กว่า ขณะที่ กระ จะเป็นจุดกลมๆ เล็กๆ มีขอบชัดเจน มีสาเหตุหลักๆ มาจากพันธุกรรม ถ้าพ่อแม่เป็น ส่วนใหญ่ลูกจะเป็น โดยเฉพาะคนที่มีผิวขาว มักจะเป็นกระมากกว่าคนผิวสีเข้ม รวมไปถึงการรักษาฝ้าและกระนั้น จะมีวิธีการที่แตกต่างกัน ต้องอาศัยต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์ ในการวิเคราะห์เม็ดสี วิเคราะห์ลักษณะของผิว เพื่อการรักษาที่ตรงจุด ทำให้ฝ้าและกระจางลง และที่สำคัญคือ ต้องไม่ให้เกิดรอยแผลเป็น (ด่างขาว) ในเม็ดสีฝ้า หรือ กระ ด้วย