หาคำตอบ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ต่างกันอย่างไร

หาคำตอบ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ต่างกันอย่างไร

หลายคนอาจจะมีคำถามว่าทำไมเราถึงต้องแยกให้ออกระหว่างปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้า ที่ต้องแยกให้ออกเพราะว่าจะได้รู้ถึงสาเหตุ วิธีดูแลรักษาให้ใบหน้าของเราห่างไกลจากปัญหาฝ้า กระ และจุดด่างดำ เพราะบางครั้งเราเป็นฝ้า แต่ดูไม่ออกคิดว่าตัวเองเป็นกระ ทำให้รักษายังไงก็ไม่หาย เพราะมัวแต่ใช้วิธีรักษากระอยู่ ฝ้าก็เลยไม่หายสักที ดังนั้นนี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรแยก ฝ้า กระ และจุดด่างดำให้ออกเสียก่อน

สารบัญบทความ

  • ความแตกต่างระหว่างฝ้า กระ จุดด่างดำ
  • ฝ้าเกิดจากอะไร สาเหตุของการเกิดฝ้า
  • กระคืออะไร กระบนใบหน้าเกิดขึ้นได้อย่างไร
  • จุดด่างดำ คือ
  • วิธีป้องกัน และรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ
  • คำถามที่พบบ่อย

ความแตกต่างระหว่างฝ้า กระ จุดด่างดำ



ความแตกต่างระหว่างฝ้า กระ จุดด่างดำ

ฝ้า คืออะไร?


ฝ้า คืออะไร?

"ฝ้า" (Melasma) มีลักษณะเป็นแผ่น ๆ ปื้น ๆ มีหลายขนาด หลายรูปร่าง หลายสี ตั้งแต่ฝ้าสีเข้มจนไปถึงฝ้าสีอ่อน ๆ จาง ๆ ขึ้นอยู่กับว่าฝ้านั้นเกิดขึ้นที่ผิวหนังชั้นไหน หนังแท้ หรือหนังกำพร้า

ฝ้าแบ่งออกได้ 3 ชนิด ดังนี้

  1. ฝ้าตื้น คือ ฝ้าที่เกิดขึ้นในชั้นหนังกำพร้า
  2. ฝ้าลึก คือ ฝ้าที่เกิดขึ้นในชั้นหนังแท้ มีสีน้ำตาลผสมเทาเข้ม รักษาหายยากกว่าฝ้าแบบตื้น
  3. ฝ้าผสม คือ ฝ้าที่มีลักษณะของฝ้าตื้นและฝ้าลึกผสมกัน ซึ่งกระจายกันไปทั่วทั้งใบหน้า

ฝ้าเกิดจากอะไร สาเหตุของการเกิดฝ้า

  1. แสงแดด
    แสงแดดเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดปัญหาฝ้า กระ บนใบหน้า โดยเฉพาะรังสี UV ที่เราเผชิญในทุก ๆ วัน เนื่องจากเมื่อผิวเราได้รับรังสี UV มากขึ้น เม็ดสีเมลานินที่อยู่บนหน้าเราก็จะถูกผลิตเยอะขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้เกิดฝ้าที่มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีที่เข้มขึ้น
  2. ฮอร์โมน
    การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์บางคน อยู่ ๆ ก็อาจมีฝ้าเกิดขึ้นมาได้ ซึ่งนั่นเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกาย
  3. พันธุกรรม
    ผู้ที่มีกรรมพันธุ์ผิวคล้ำ หรือมีคนในครอบครัวเป็นฝ้า มีโอกาสเป็นฝ้าได้มากกว่าคนทั่วไป
  4. เครื่องสำอาง
    เครื่องสำอางและครีมทาหน้าบางประเภทที่มีส่วนผสมของน้ำหอม สี หรือฮอร์โมน ก็อาจส่งผลให้เกิดฝ้าได้ด้วยเช่นกัน
  5. ความเครียดสะสม
    เมื่อรู้สึกเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดออกมา ทำให้ร่างกายอ่อนล้า ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ และกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของผิวหนัง ซึ่งเป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้ฝ้าเข้มขึ้นได้
  6. การพักผ่อนไม่เพียงพอ
    การพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายไม่สามารถซ่อมแซมเซลล์ผิวได้อย่างเต็มที่ ผิวจึงดูหมองคล้ำและอ่อนล้า ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเกิดฝ้าได้

กระคืออะไร? กระบนใบหน้า เกิดขึ้นได้อย่างไร?


จุดด่างดำ dark spot

กระ (Freckles) จะเป็นจุดเล็ก ๆ กลม ๆ มีขอบบนชัดเจน กระจายอยู่ทั่วใบหน้า โดยเฉพาะแก้ม และหน้าผาก บางคนอาจขึ้นบริเวณลำคอ แขน ขา โดยสีของกระจะมีตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงน้ำตาลเข้มชัด ซึ่งสามารถแบ่งได้ 4 ชนิดคือกระตื้น กระลึก กระเนื้อ และกระแดด แต่ละชนิดจะเป็นอย่างไร สามารถสังเกตได้ดังนี้

1. กระตื้น ลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลเล็กๆ มักขึ้นบริเวณโหนกแก้มทั้ง 2 ข้าง ส่วนมากเกิดจากกรรมพันธ์ ทำให้เซลล์เม็ดสีไวต่อแดด ควรปกป้องด้วยครีมกันแดด เพื่อลดการขยายเมื่อถูกกระตุ้นด้วยแสงแดด

2. กระลึก ลักษณะเป็นจุดเล็กๆ หรือแผ่นสีน้ำตาล เทา ดำ ขอบไม่ชัด มักขึ้นที่โหนกแก้ม ดั้งจมูก และขมับ เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดสีบริเวณชั้นหนังแท้ หากเป็นช่วงวัยรุ่นหรือช่วงตั้งครรภ์อาจเห็นชัดขึ้น

3. กระเนื้อ ลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ สีน้ำตาลอ่อนและน้ำตาลเข้ม ขึ้นบริเวณใบหน้า ลำคอ หน้าอก หลัง เกิดจากผิวหนังชั้นหนังกำพร้าเจริญเติบโตกว่าปกติ จะถูกกระตุ้นด้วยแสงแดดและอายุที่มากขึ้น

4. กระแดด ลักษณะเป็นจุดหรือปื้นเรียบๆ มีสีน้ำตาลหรือสีดำขนาดเล็กและขอบชัด มักเกิดขึ้นในผู้ใหญ่ที่มีผิวขาวและมีอายุมาก

เพราะฉะนั้น ฝ้า กระ มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน คือ ฝ้า จะมีลักษณะเป็นปื้นและมีขนาดใหญ่กว่า ขณะที่ กระ จะเป็นจุดกลม ๆ เล็ก ๆ มีขอบชัดเจน มีสาเหตุหลักๆ มาจากพันธุกรรม ถ้าพ่อแม่เป็น ส่วนใหญ่ลูกจะเป็น โดยเฉพาะคนที่มีผิวขาว มักจะเป็นกระมากกว่าคนผิวสีเข้ม รวมไปถึงการรักษาฝ้าและกระนั้น จะมีวิธีการที่แตกต่างกัน ต้องอาศัยต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์ ในการวิเคราะห์เม็ดสี วิเคราะห์ลักษณะของผิว เพื่อการรักษาที่ตรงจุด ทำให้ฝ้าและกระจางลง และที่สำคัญคือ ต้องไม่ให้เกิดรอยแผลเป็น (ด่างขาว) ในเม็ดสีฝ้า หรือ กระ ด้วย

จุดด่างดำ คือ


จุดด่างดำ

จุดด่างดำ (Dark Spot) คือ รอยอักเสบที่เกิดจากการเป็นสิว ยิ่งเราแกะสิวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งอักเสบมากขึ้นเท่านั้น เมื่อยิ่งอักเสบ ผิวบริเวณนั้นจะเปลี่ยนจากรอยแดงเป็นรอยดำ เมื่อเป็นสิวจึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง หรือเข้ารับการรักษากดสิวและรักษารอยสิวจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะกว่าจุดด่างดำจะจางลงนั้น จะใช้เวลาในการผลัดเซลล์ผิวมากถึง 28 วันหรือมากกกว่านั้นเมื่ออายุมากขึ้นได้

จะเห็นได้ว่าความแตกต่างของฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้า เกิดจากสาเหตุที่แตกต่างกันไป แต่ไม่ว่าจะกระ ฝ้า หรือ จุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ ต่างก็มีตัวกระตุ้นสำคัญที่เหมือนกันนั่นก็คือ UV ในแสงแดด ทั้งสิ้น จึงควรดูแลผิวหน้าตั้งแต่วันนี้ ซึ่งการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ หรือไปหาหมอเพื่อปรึกษาและทำการรักษาอย่างถูกต้องจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นอาจเจอครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ที่เห็นผลในช่วงแรกและกลับมาเป็นซ้ำอีกได้

วิธีป้องกัน และรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ

1. หมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน

เพราะรังสี UV เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้า ฉะนั้นจึงควรทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ต้องออกไปข้างนอก แต่..สำหรับคนเป็นฝ้า แค่ทาครีมกันแดดทั่วไปอาจไม่เพียงพอ ถ้าอยากให้ฝ้าจางหาย ต้องเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีสารยับยั้งเอนไซน์ไทโรซิเนส ที่เป็นต้นกำเนิดของการเกิดฝ้าด้วย เนื่องจากในผิวหนังของเราจะมีเมลานิน ซึ่งผลิตมาจากเมลาโนไซต์ และเม็ดสีเหล่านี้จะมีสีเข้มขึ้นโดยเอนไซน์ไทโรซิเนส หากถูกกระตุ้นจาก UV มากๆ เข้า จะทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นสีคล้ำกว่าปกติ จนเกิดเป็น "ฝ้า" ในที่สุด


ดังนั้น..ครีมกันแดดที่เหมาะสำหรับคนเป็นฝ้าต้องยกให้ นีเวีย ลูมินัส630 สปอตเคลียร์ ซันโพรเทค เอสพีเอฟ 50 PA+++ (NIVEA LUMINOUS630 SUN PROTECT SPF50 PA+++) ครีมกันแดดที่ปกป้องผิวหน้าของเราจากรังสี UVA และUVB ด้วยประสิทธิภาพสูงสุด SPF50 และ PA+++ และที่ครีมกันแดดตัวอื่นไม่มี แต่นีเวียมี ไทอามิดอล (Thiamidol) สารไบรท์เทนนิ่งที่ทรงพลังที่สุดจากนีเวีย ช่วยลดเลือนฝ้าแดด กระแดด และจุดด่างดำที่ฝังลึกสะสมนานับ 10 ปี โดยไม่เกิดผลข้างเคียงเหมือนครีมลอกฝ้า หรือ ครีมทาฝ้าตัวอื่น ๆ อีกทั้งยังจัดการปัญหากระแดดได้ลึกถึงต้นตอ ช่วยให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส อิ่มฟู นุ่มเด้ง ชุ่มชื้นถึงขีดสุดด้วยไฮยาลูโรนิกเข้มข้นถึง 2 เท่า เห็นผลจริงใน 2 สัปดาห์

2. บำรุงผิวหน้าด้วยครีมทาฝ้า

ควรเลือกใช้ครีมทาฝ้าที่ปลอดภัยต่อผิว สามารถช่วยลดปัญหา ฝ้า กระ และจุดด่างดำได้ อย่างทรีทเม้นท์เซรั่มที่ได้รับการันตีจากแพทย์ผิวหนังว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และผลข้างเคียงอย่าง นีเวีย ลูมินัส630 แอดวานซ์ ดาร์ค สปอต เซรั่ม สูตรใหม่! (NIVEA Luminous630 Advanced Dark Spot Serum) ทรีทเม้นท์เซรั่มเข้มข้น ที่ผสานไทอามิดอล (Thiamidol) สารไบรท์เทนนิ่งที่ทรงพลังที่สุดจากนีเวีย ช่วยลดเลือนฝ้าแดด กระแดด และจุดด่างดำที่ฝังลึกสะสมนานับ 10 ปี ช่วยลดเลือนฝ้าได้ถึง 82% สามารถจัดการได้ทั้งจุดดำที่มองเห็น และจุดดำที่ฝังลึกอยู่ใต้ชั้นผิวได้ถึงต้นตอ หากไม่รีบจัดการตั้นแต่เนิ่น ๆ อาจกลายเป็นจุดดำฝังลึกบนชั้นผิวได้ โดยครีมทาฝ้านีเวียไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงเหมือนครีมลอกฝ้า หรือ ครีมทาฝ้าตัวอื่น ๆ อีกทั้งยังจัดการปัญหากระแดดได้ลึกถึงต้นตอ ช่วยให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส อิ่มฟู นุ่มเด้ง ชุ่มชื้นถึงขีดสุดด้วยไฮยาลูโรนิกเข้มข้นถึง 2 เท่า เห็นผลจริงใน 2 สัปดาห์


3 ขั้นตอนแก้ฝ้า กระ จุดดางดำ ให้ดูจางลงภายใน 2 สัปดาห์

สารไทอามิดอล (Thiamidol) คืออะไร?
สารไทอามิดอล (Thiamidol) จัดเป็นสารไบรท์เทนนิ่งประเภทที่ยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินได้ หรือเรียกว่า Tyrosinase Inhibitor ซึ่งทำหน้าที่ทำงานลึกถึงใจกลางผิว เพื่อยับยั้งการผลิตเม็ดสีในชั้นผิว ฝ้าแดด จุดด่างดำที่สะสมมานานนับ 10 ปี จึงค่อยๆจางลงอย่างเห็นได้ชัด บอกลาครีมทาฝ้า หรือ ครีมลอกฝ้า ที่ไม่ได้ผล เพราะผลิตภัณฑ์ที่มีสารไทอามิดอล (Thiamidol) จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง

Tips: 3 ขั้นตอนแก้ฝ้า กระ จุดดางดำ ให้ดูจางลงภายใน 1 สัปดาห์ ด้วยคครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของสาร ไทอามิดอล (Thiamidol)


3. พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ

ควรนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง/วัน รวมทั้งหลีกเลี่ยงความเครียดด้วย เพราะส่งผลต่อสมดุลการทำงานของฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้การทำงานของเม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนังทำงานผิดปกติ ก่อให้เกิดรอยฝ้า กระ จุดด่างดำชัดมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบันวิธีรักษาจุดด่างดำ และลดเลือนจุดด่างดำนั้นมีมากมาย ตั้งแต่การดูแลตัวเองตั้งแต่การมาสก์หน้าด้วยสมุนไพรไทย การใช้ครีมรักษาฝ้า กระ อย่าง นีเวีย ลูมินัส630 แอดวานซ์ ดาร์ค สปอต เซรั่ม (NIVEA Luminous630 Advanced Dark Spot Serum) ที่มีส่วนผสมของสารไทอามิดอล (Thiamidol) สารไบรท์เทนนิ่งที่ช่วยลดเลือนฝ้าและจุดด่างดำฝังลึกได้ถึงต้นตอ และการเข้ารักษาด้วยเลเซอร์ เพื่อจัดการรอยดำกวนใจ แต่เมื่อรักษาแล้วสิ่งสำคัญคือการดูแลหลังกระฝ้าจางไม่ให้เกิดซ้ำหากไม่อยากหน้าเป็นฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ ผิวคล้ำเสีย ก็ต้องหลีกเลี่ยง UV ในแสงแดด ซึ่งวิธีหลีกเลี่ยงแสงแดดที่ง่ายที่สุดนั่นก็คือ การทาครีมกันแดด ที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป ยิ่งสูงเท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น และต้องมี PA+++ ที่ป้องกันรังสี UVA และ UVB รังสีอัลตาไวโอเลตที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายกับผิว ไม่ว่าจะเป็นความหมองคล้ำ และโรคผิวหนังอื่นๆ เพราะฉะนั้นควรปกป้องผิวจากรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ยิ่งบวกเท่าไหร่ ก็ยิ่งป้องกันได้มากขึ้นเช่นกัน

คำถามที่พบบ่อย

  1. Q: มีวิธีรักษาฝ้า กระ และจุดด่างดำให้หายขาดได้หรือไม่?
    A: ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาฝ้า กระ และจุดด่างดำให้หายขาดได้อย่างถาวร แม้จะมีวิธีการรักษาที่ช่วยลดเลือนได้ แต่ปัญหาเหล่านี้สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้หลังหยุดการรักษา สิ่งสำคัญที่สุดคือการป้องกันและหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น โดยเฉพาะการป้องกันผิวจากแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดดเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
  2. Q: ฝ้า กระ และจุดด่างดำสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุหรือไม่?
    A: ฝ้า กระ และจุดด่างดำสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงเช่น การสัมผัสกับแสงแดดมากเกินไป ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง และพันธุกรรม ดังนั้น การป้องกันผิวจากแสงแดดและการดูแลสมดุลฮอร์โมนจึงสำคัญในทุกช่วงวัย
  3. Q: กระสามารถเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกายหรือไม่?
    A: ฝ้า กระ และจุดด่างดำสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายส่วนของร่างกาย แต่โดยทั่วไปจะพบมากที่สุดบนใบหน้า เนื่องจากเป็นบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดดมากที่สุด นอกจากนี้ กระยังสามารถเกิดขึ้นได้ที่บริเวณแขนและไหล่ ในขณะที่ฝ้าจะปรากฏชัดเจนในบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก และจมูก ส่วนจุดด่างดำสามารถเกิดได้ทั่วร่างกาย ดังนั้น การดูแลและป้องกันด้วยการใช้ครีมกันแดดและหลีกเลี่ยงแสงแดดจึงเป็นสิ่งสำคัญในการลดโอกาสเกิดปัญหาเหล่านี้
  4. Q: จุดด่างดำจากสิวสามารถหายได้เองหรือไม่?
    A: จุดด่างดำจากสิวสามารถจางลงได้เองตามธรรมชาติ ภายใน 2-4 เดือน หรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของรอยดำและสภาพผิวของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม การป้องกันผิวจากแสงแดดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการช่วยให้รอยดำจางลงเร็วขึ้น
  5. Q:การขัดผิวหน้า สามารถช่วยลดฝ้า กระ และจุดด่างดำได้จริงหรือไม่?
    A: การขัดผิวหน้าสามารถช่วยลดฝ้า กระ และจุดด่างดำได้ในระดับหนึ่ง โดยการผลัดเซลล์ผิวเก่าออกและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ แต่หากทำบ่อยเกินไปหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ผิวระคายเคือง และกระตุ้นทำให้ฝ้าเข้มขึ้น ดังนั้นควรทำอย่างระมัดระวังและไม่บ่อยเกินไป ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอ่อนโยน และควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยมากที่สุด