เลือกครีมทาฝ้าแบบไหนดี? ให้ฝ้าหายจริง ป้องกันการเกิดฝ้าใหม่

เลือกครีมทาฝ้าแบบไหนดี? ให้ฝ้าหายจริง ป้องกันการเกิดฝ้าใหม่

วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาฝ้าเก่า ป้องกันฝ้าเกิดใหม่

ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำกวนใจนั้นทั้งรักษายาก แถมใช้เวลารักษานาน งบที่มีก็ไม่พอสำหรับไปทำเลเซอร์หลาย ๆ ครั้ง ส่วนครีมรักษาฝ้าในปัจจุบันก็มีให้เลือกซื้อเยอะ จนไม่รู้ว่าต้องเลือกครีมทาฝ้ายี่ห้อไหนดี แบบไหนที่ใช้แล้วปลอดภัย ไม่แพ้ วันนี้มีวิธีการเลือกครีมทาฝ้าที่ทั้งปลอดภัย และสามารถรักษาฝ้าให้หายได้จริงมาฝากในบทความนี้

สารบัญบทความ

  • เลือกครีมทาฝ้าอย่างไรดี ให้ปลอดภัย
  • แล้วครีมทาฝ้าที่ปลอดภัย ควรมีส่วนสผสมอะไรบ้าง?
  • วิธีรักษาฝ้าให้หายจริง

เลือกครีมทาฝ้าอย่างไรดี ให้ปลอดภัย

1. พลิกฉลากดูส่วนผสมก่อนเลือกซื้อ

ก่อนจะเลือกซื้อครีมทาฝ้าควรพลิกดูด้านหลังของฉลากก่อน เพื่อตรวจเช็คส่วนผสมว่ามีอะไรบ้าง ควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมใด

ส่วนผสมที่ควรเลี่ยงในครีมทาฝ้า
Hydroquinone เป็นสารที่มีฤทธิ์ยับเม็ดสีผิวใต้ผิวหนัง แต่สาเหตุเหล่านี้มักก่อให้เกิดผลข้างเคียงมากมาย รวมถึงเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังอีกด้วย

2. เลือกครีมทาฝ้าที่ได้รับการยืนยันจากแพทย์ผิวหนัง

NIVEA LUMINOUS630 Intensive Treatment Serum

เลือกครีมทาฝ้าที่ได้รับการยืนยันจากแพทย์ผิวหนังว่าไม่มีสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ อย่างทรีทเม้นท์เซรั่ม นีเวีย ลูมินัส630 แอนตี้สปอต แอดวานซ์ สปอต เซรั่ม (NIVEA LUMINOUS630 ANTISPOT ADVANCE SPOT SERUM) ที่มีส่วนผสมที่ปลอดภัยต่อผิว สามารถช่วยลดปัญหา ฝ้า กระ และจุดด่างดำได้จริง ที่ได้รับการันตีจากแพทย์ผิวหนังว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และผลข้างเคียงอย่าง ประกอบไปด้วยสารลูมินัส630® (LUMINOUS630®) สารเอกสิทธิ์เฉพาะของนีเวีย จากการค้นคว้าสารไวท์เทรนนิ่งกว่า 10 ปี จนค้นพบสารไบรท์เทนนิ่งที่ทรงพลังที่สุด จาก 50,000 สาร ที่ได้รับการพิสูจน์ว่าสามารถช่วยลดปัญหาฝ้าแดด และจุดด่างดำฝังลึกที่สะสมมานานนับ 10 ปี ได้จริง เห็นผลใน 2 สัปดาห์ เพื่อยับยั้งต้นตอการเกิดฝ้า และจุดด่างดำได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ควรใช้เป็นประจำต่อเนื่องทั้งเช้าและเย็น

3. ทดสอบอาการแพ้ ผลข้างเคียง

สภาพผิวของคนเรานั้นมีความแตกต่างกัน เช่น ผิวมัน, ผิวผสม, ผิวแห้ง, และผิวบอบบางแพ้ง่าย จึงควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้กับใบหน้าจริง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงอาการแพ้รุนแรงและป้องกันการลุกลามหากแพ้

วิธีทดสอบอาการแพ้ครีมทาฝ้า
นำครีมทาฝ้ามาทาบริเวณหลังใบหู หรือบริเวณท้องแขน ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที หากเกิดผื่นคัน หรือแดง ให้รีบล้างออกโดยทันที

แล้วครีมทาฝ้าที่ปลอดภัย ควรมีส่วนผสมอะไรบ้าง?

Luminous630 : สารไวท์เทนนิ่งจากนวัตกรรมล่าสุดของนีเวีย ที่วิจัยโดยแพทย์ผิวหนังมานานกว่า 10 ปี ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานิน หรือเม็ดสีใต้ชั้นผิวหนัง ช่วยให้บริเวณที่มีฝ้าแดดฝังลึกและจุดด่างดำที่ สะสมมานานจางลงได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว สามารถใช้ได้แม้คนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย

Alpha Arbutin : เป็นสารที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ทั่วไป ช่วยกระตุ้นเซลล์ผิวให้ยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานิน ช่วยให้บริเวณที่มีสีเข้มอย่างรอยดำจากสิวจางลงได้ และปรับสีผิวให้กระจ่างใสอย่างสม่ำเสมอ

Glycolic Acid : AHA หรือกรดผลไม้ ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออก พร้อมเผยผิวใหม่ขึ้นมาแทน จึงสามารถช่วยลดปัญหาผิวหมองคล้ำ หรือจุดด่างดำได้ ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้น แต่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่าย

Tretinoin : หรือกลุ่มกรดวิตามินเอ (retinoids) สามารถช่วยเร่งให้เซลล์ผิวหนังชั้นบนที่มีเม็ดสีเมลานินหลุดลอกออกได้ จึงช่วยให้ฝ้า กระ จุดด่างดำจางลงได้ แต่หากใช้ไปสักพักแล้วพบอาการรอยแดงและผิวลอก ควรลดความถี่ในการใช้ลง

Vitamin E : มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบของผิว รวมถึงไปลดการสร้างเม็ดสี ทำให้ผิวที่หมองคล้ำ กระจ่างใสขึ้น

วิธีรักษาฝ้าให้หายจริง

1. การใช้กรดผลไม้ หรือ AHA (Alpha Hydroxy acid)

การใช้กรดผลไม้ หรือ AHA

วิธีนี้จะช่วยเร่งการผลัดผิวชั้นหนังกำพร้า ทำให้รอยฝ้าตื้นขึ้นและสีจางลง เหมาะกับการรักษาฝ้าชนิดตื้น ถ้าบางคนแพ้ ก็จะเกิดการแสบ แดง ที่ผิวหนังได้ ถ้ามีอาการเหล่านี้ ต้องหยุดใช้ทันที

2. ครีมรักษาฝ้า ที่มีส่วนผสมของ "ไฮโดรควิโนน"

ไฮโดรควิโนน

ห้ามใช้ครีมทาฝ้าที่มีส่วนผสมของ "ไฮโดรควิโนน" เด็ดขาด เพราะครีมรักษาฝ้าประเภทนี้จะทำให้ผิวหนังบริเวณที่ทาเป็นด่างขาว และทำให้เกิดฝ้ามากขึ้นกว่าเดิม และที่อันตรายไปกว่านั้นก็คือ ไฮโดรควิโนน(Hydroquinone) เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังโชคดีที่บ้านเราประกาศห้ามใช้สารตัวนี้ผสมในเครื่องสำอางอย่างเด็ดขาด

3. เลเซอร์รักษาฝ้า

การใช้เลเซอร์ ยิงเข้าไปที่ผิวบริเวณที่เป็นฝ้า

การใช้เลเซอร์ยิงเข้าไปที่ผิวบริเวณที่เป็นฝ้า ทำให้เม็ดสีแตกออกจากกัน ทำให้รอยฝ้าจางลง แต่วิธีนี้อาจยิ่งทำให้ผิวตรงที่เป็นฝ้ามีรอยคล้ำมากยิ่งขึ้น เพราะกระบวนการแตกของเม็ดสีทำให้เกิดการอักเสบที่ชั้นใต้หนังกำพร้า วิธีนี้นอกจากจะไม่หายแล้ว ผิวบริเวณที่เป็นฝ้ายังมีรอยคล้ำมากยิ่งขึ้น แถมกลับมาเป็นฝ้าซ้ำอีก เพราะเลเซอร์ไม่ได้ป้องกันการสร้างเมลานินใหม่

4. การกรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณี (Microdermabrasion)

การกรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณี Microdermabrasion

เป็นการเร่งการผลัดเซลล์ผิวในชั้นหนังกำพร้าให้ลอกหลุดออก เพื่อให้ผิวหนังตื้นและรอยฝ้าจางลง วิธีนี้เหมาะกับฝ้าชนิดตื้น และจำเป็นต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ หลังการกรอผิวอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวหน้าสูง จะมีรอยแดงบนใบหน้าอยู่ 2-3 วัน และหลังการรักษาห้ามโดนแดดเด็ดขาด

5. ทำเมโสหน้าใส

การทำเมโสหน้าใสนั้นเปรียบเสมือนการทำทรีตเมนต์ โดยจะเป็นการใช้เข็มขนาดเล็กจิ้มลงไปให้ผ่านผิวหนังชั้นกลาง ดังนั้นอาจจะมีข้อเสียตรงที่เจ็บพอสมควร และอาจทำให้มีแผลบนใบหน้าสักระยะหนึ่งได้ ส่วนสาเหตุที่ต้องใช้เข็มจิ้มนั่นก็เพราะว่าเป็นการนำวิตามินหรือสารบำรุงผิวไปยังผิวด้านใน ส่งผลให้คอลลาเจนบนใบหน้าเพิ่มขึ้นผิวกระจ่างใสและเต่งตึง

6. รักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ

ใช้วิธีธรรมชาติ เช่น หัวไชเท้า หรือว่านหางจระเข้

เช่น หัวไชเท้า หรือว่านหางจระเข้ เป็นต้น สำหรับว่านหางจระเข้ให้นำใบไปแช่น้ำ 10 นาที ล้างน้ำให้สะอาด แล้วจึงนำไปปั่น ทาทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออก ส่วนหัวไช้เท้าก็ให้นำมาล้างให้สะอาดเช่นกัน แล้วจึงบดผสมน้ำผึ้ง และทาทิ้งไว้ 15-20 นาที วิธีเหล่านี้จะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างดี แต่แนะนำว่าควรทำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง

7. ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน

ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน

ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดที่เป็นต้นตอของการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ซึ่งรังสี UV จะมีความเข้มข้นสูงสุด ในช่วง 10.00-14.00 น. จึงควรเลี่ยงการโดนแดดตรง ๆ ในช่วงนี้ ซึ่งวิธีป้องกันและรักษาฝ้าที่ดีที่สุด คือ ควรใช้ครีมกันแดดเป็นประจำโดยเฉพาะกันแดดคนเป็นฝ้า เพราะรังสี UV คือตัวการที่ไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดสีหรือเมลานินโดยตรง ซึ่งในผิวคนเรา จะมีเมลาโนไซต์ ที่ทำหน้าที่ผลิตเม็ดสีในชั้นผิวหนังของเรา และเม็ดสีจะเข้มขึ้นโดยการกระตุ้นของเอนไซน์ไทโรซิเนส เมื่อเอนไซน์ไทโรซิเนสถูกกระตุ้นจากรังสี UV มากๆ เข้า ก็ยิ่งทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นสีคล้ำกว่าปกติ จนเป็น "ฝ้า"

การใช้ครีมกันแดด ที่มีสารยับยั้งเอนไซน์ไทโรซิเนส ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของการเกิด "ฝ้า" ได้ ก็สามารถหยุดยั้งการเกิดของ "ฝ้า" ได้ที่ต้นตอเลยทีเดียว

แต่..ไม่ใช่ครีมกันแดดทุกตัวจะมีสารตัวนี้ มีเพียง นีเวีย ลูมินัส630 สปอตเคลียร์ ซันโพรเทค เอสพีเอฟ 50 PA+++ (NIVEA LUMINOUS630 SUN PROTECT SPF50 PA+++) ซึ่งความพิเศษของครีมกันแดดแก้ฝ้านีเวีย คือ เป็นครีมกันแดดสูตรเฉพาะสำหรับคนมีปัญหาฝ้าแดด จุดด่างดำโดยเฉพาะ มีสารลูมินัส630 (LUMINOUS630) สารที่มีอนุพันธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด และเสถียรที่สุดที่ช่วยยับยั้งเอนไซน์ไทโรซิเนส อันเป็นจุดกำเนิดของการเกิดฝ้าได้จริง ๆ แถมยังปกป้องผิวหน้าของเราจากรังสี UVA และ UVB ด้วยประสิทธิภาพสูงสุด SPF50 และ PA+++ สามารถป้องกันการเกิดฝ้าแดด และจุดด่างดำได้จริง เมื่อใช้ติดต่อกันทุกวัน และไม่ต้องเสียเงินเลเซอร์อีกด้วย ที่สำคัญไม่มีผลข้างเคียง เพราะพิสูจน์แล้วจากแพทย์ผิวหนังและผู้ใช้จริงในประเทศไทยถึง 200 คน รู้แบบนี้แล้วคงต้องหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ของนีเวีย ทิ้งครีมรักษาฝ้าที่มีสารอันตรายไปได้เลย

เพราะฉะนั้นจึงควรเลือกครีมทาฝ้าให้เหมาะกับสภาพผิวหน้าของตนเอง ควรสังเกตดูส่วนผสมและสารเคมีอันตรายที่ผสมอยู่ในครีมทาฝ้า และอย่าลืมหมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันเพราะแดดเป็นสาเหตุหลักที่ก่อใก้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ

Related Articles

ทิปส์ที่น่าสนใจสำหรับคุณ